แอนโทนี อัลบาเนซี นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย แถลงเมื่อวานนี้ (11 สิงหาคม) ว่า ออสเตรเลียจะรับรอง “รัฐปาเลสไตน์” อย่างเป็นทางการในเดือนกันยายนนี้ ระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) โดยจะยึดตาม “คำมั่น” ที่รัฐบาลออสเตรเลียได้รับจากฝ่ายปาเลสไตน์ (Palestinian Authority) ว่าจะจัดตั้งรัฐบนพื้นฐานของการปฏิรูปและความโปร่งใส
ขณะที่นิวซีแลนด์ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านก็อยู่ระหว่างการพิจารณาท่าทีเดียวกัน โดยวินสตัน ปีเตอร์ส รัฐมนตรีต่างประเทศ ระบุว่าจะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในเดือนกันยายน และย้ำว่าการรับรองรัฐปาเลสไตน์เป็นเพียง “เรื่องเวลา” ไม่ใช่คำถามว่าจะทำหรือไม่
ด้านคริสโตเฟอร์ ลักซอน นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ กล่าวว่าสถานการณ์ในกาซาเป็น “โศกนาฏกรรมด้านมนุษยธรรมขั้นร้ายแรง” แต่ยังต้องใช้เวลาเพื่อพิจารณาอย่างรอบคอบ ซึ่งนำไปสู่เสียงวิจารณ์จากอดีตนายกรัฐมนตรีเฮเลน คลาร์ก ที่มองว่าท่าทีของรัฐบาลนิวซีแลนด์ในเวลานี้ “น่าอับอาย” และขาดจุดยืนร่วมกับพันธมิตร
การตัดสินใจของออสเตรเลียทำให้ประเทศดังกล่าวเข้าร่วมกับอังกฤษ ฝรั่งเศส และแคนาดา ในการประกาศรับรองรัฐปาเลสไตน์ในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งยิ่งทำให้สหรัฐฯ ถูกโดดเดี่ยวมากขึ้นในหมู่พันธมิตรใกล้ชิด ท่ามกลางการปกป้องอิสราเอลในปฏิบัติการทางทหารที่ทวีความรุนแรงและยืดเยื้อมานานเกือบสองปีในฉนวนกาซา
เพนนี หว่อง รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย เปิดเผยว่าได้แจ้งต่อมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ล่วงหน้า แต่แถลงการณ์ของฝั่งสหรัฐฯ ไม่ได้กล่าวถึงประเด็นการรับรองรัฐปาเลสไตน์ โดย รูบิโอ กล่าวก่อนหน้านี้ว่า การประกาศสนับสนุนรัฐปาเลสไตน์เป็นเพียง “สัญลักษณ์” ที่จะ “ทำให้ฮามาสแข็งกร้าวขึ้น” และยากต่อการบรรลุสันติภาพ
ทว่า อัลบานีซี ยืนยันว่าได้รับคำมั่นจากมาห์มูด อับบาส ประธานาธิบดีของฝ่ายปาเลสไตน์ว่ากลุ่มฮามาสจะไม่มีบทบาทใดๆ ในรัฐปาเลสไตน์ในอนาคต โดยมีเงื่อนไขเพิ่มเติม เช่น การปลดอาวุธ จัดการเลือกตั้งทั่วไป ยกเลิกการจ่ายเงินให้ครอบครัวนักโทษและผู้เสียชีวิต ปฏิรูปการปกครองและการศึกษา และมีการกำกับดูแลจากนานาชาติเพื่อป้องกันการยุยงให้เกิดความรุนแรง
นอกจากนี้ อัลบานีซี ยังกล่าวว่า “แนวทางสองรัฐคือความหวังสูงสุดของมนุษยชาติในการหยุดวงจรความรุนแรงในตะวันออกกลาง และยุติความขัดแย้ง ความทุกข์ทรมาน และความอดอยากในกาซา” พร้อมย้ำว่าการรับรองนี้ “ไม่ใช่แค่การลากเส้นบนแผนที่ แต่เป็นการยื่นเชือกช่วยชีวิตให้ชาวกาซา”
เขายังเปิดเผยว่าได้พูดคุยกับเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล แต่พบว่าอีกฝ่าย “ปฏิเสธที่จะยอมรับ” ผลกระทบด้านมนุษยธรรมที่เกิดขึ้นกับพลเรือนในกาซา โดยเนทันยาฮูยังคงย้ำจุดยืนเดิมเหมือนที่เคยกล่าวในที่สาธารณะ
ภาพ: Photo By Lorena Sopena / Europa Press via Getty Images
อ้างอิง
