สกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียประกาศชัยชนะ และขอบคุณชาวออสเตรเลียที่เลือกพรรคแนวร่วมลิเบอรัล/เนชั่นแนลกลับมาจัดตั้งรัฐบาลต่อ หลังผลการนับคะแนนศึกเลือกตั้งทั่วไปอย่างไม่เป็นทางการเมื่อวานนี้ (18 พ.ค.) ปรากฏว่า ขั้วแนวร่วมอนุรักษ์นิยมของเขามีโอกาสกวาดที่นั่งเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร สวนทางกับเอ็กซิตโพลซึ่งระบุว่า พรรคเลเบอร์ของบิล ชอร์เทนจะชนะและได้ฟอร์มรัฐบาลเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี
มอร์ริสันซึ่งขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียแทนมัลคอล์ม เทิร์นบูล เมื่อปี 2018 กล่าวต่อผู้สนับสนุนว่า เขาเชื่อเสมอในปาฏิหาริย์
ทั้งนี้การนับคะแนนผ่านพ้นไปแล้วกว่า 70% โดยพรรคแนวร่วมลิเบอรัล/เนชั่นแนลสามารถคว้าที่นั่ง ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 74 ที่นั่ง ทิ้งห่างพรรคเลเบอร์คู่แข่งที่ได้ 66 ที่นั่ง ขณะที่พรรคต้องการ 76 ที่นั่งเพื่อครองเสียงข้างมากในสภา
ด้านบิล ชอร์เทน ผู้นำฝ่ายค้านออสเตรเลีย ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเลเบอร์ หลังยอมรับความพ่ายแพ้ต่อมอร์ริสัน
ขณะที่ทำเนียบขาวเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ได้คุยโทรศัพท์แสดงความยินดีกับชัยชนะของมอร์ริสันในช่วงเย็นวานนี้ พร้อมยืนยันความสำคัญของพันธมิตรที่ยาวนานระหว่างสองประเทศ
สำหรับการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวานนี้ มีประชาชนลงทะเบียนไปใช้สิทธิจำนวน 16.4 ล้านคน โดยเป็นการโหวตเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งสภาจำนวน 150 คน และเลือกสมาชิกวุฒิสภาเกินครึ่งหนึ่งจากทั้งหมด 76 ที่นั่ง
โพลสำรวจความคิดเห็นประชาชนบ่งชี้ว่า ชาวออสเตรเลียส่วนใหญ่มีความกังวลในปัญหาเศรษฐกิจ ค่าครองชีพ สิ่งแวดล้อม และสุขภาพ ขณะที่คนหนุ่มสาวสนใจปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยแคมเปญหาเสียงของมอร์ริสันให้ความสำคัญกับปัญหาเศรษฐกิจเป็นอันดับแรก เขายังวิจารณ์นโยบายของชอร์เทนที่เน้นการเพิ่มรายจ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ชอร์เทนชูแคมเปญลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในประเทศเพื่อแก้ปัญหาโลกร้อน
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: