วานนี้ (8 พฤศจิกายน) อัษดิน วงศ์โยธา อดีตนักกีฬาเซปักตะกร้อทีมชาติไทย ก็เป็นอีกหนึ่งเสียงที่ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับกรณีการหักเงินอัดฉีดวงการตะกร้อไทย ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียส่วนตัว โดยมองว่าเรื่องนี้ไม่มีใครถูกหรือผิดเพราะเป็นเรื่องของสินน้ำใจ
จากกรณีที่ พ.ต.ท. สืบศักดิ์ ผันสืบ อดีตนักกีฬาเซปักตะกร้อทีมชาติไทย ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนถึงการทำหน้าที่ของผู้จัดการทีมและผู้ฝึกสอนทีมตะกร้อทีมชาติไทยว่า มีการหักเงินนักกีฬาที่ไม่เป็นธรรม โดยได้ยื่นเรื่องต่อสมาคมกีฬาตะกร้อแห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
เมื่อวานนี้ได้มีอดีตนักกีฬาเซปักตะกร้อทีมชาติไทยออกมาเคลื่อนไหวเพื่อชี้แจงเรื่องนี้กันหลายคน อาทิ อนุวัฒน์ ชัยชนะ อดีตนักกีฬาเซปักตะกร้อทีมชาติไทย ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวโดยยืนยันว่า ยินดีและเต็มใจที่จะแบ่งเงินรางวัลให้ด้วยตัวเอง
ล่าสุดเป็นทาง อัษดิน วงศ์โยธา อดีตนักกีฬาเซปักตะกร้อทีมชาติไทย ก็โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวอธิบายเรื่องดังกล่าวในมุมมองของเขาเอง
โดยอัษดินโพสต์ว่า “#สบายใจทั้งผู้ให้และรับครับ ขอพูดในฐานะของนักตะกร้อทีมชาติไทยทีมชายคนหนึ่งหน่อยนะครับ ความรู้สึกส่วนตัวออกจากใจจริงครับ ในฐานะที่ผมอยู่ในสถานะทั้งผู้ให้และผู้รับครับ การเป็นผู้รับนั้นผมได้เก็บตัวตั้งแต่อายุ 18 ปี รุ่นพี่ๆ เขาไปแข่งตอนนั้นผมยังเป็นเด็ก เข้าไปหาประสบการณ์ในการเก็บตัวที่พี่ไปแข่งเอเชียนเกมส์กลับมา เพราะผมก็ได้รับเงินส่วนแบ่งจากเงินรางวัลน้ำใจของพี่ๆ เขาจำนวนหนึ่ง ผมก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากครับ
“จนกระทั่ง 7-8 ปีต่อมาผมได้เป็นตัวจริงในการแข่งขันรายการใหญ่ๆ หลายรายการ และได้เล่นสองเหรียญทองหลายรายการ เช่น ทีมเดี่ยวคิงส์คัพ 2 ครั้ง ตะกร้อคู่เอเชียนเกมส์ 1 ครั้ง ได้เล่นทั้งสองเหรียญทองครับ ผมก็ได้มีโอกาสเป็นผู้ให้ทีมงาน พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ และทุกคนที่เป็นครอบครัว
“ตะกร้อถ้าคนอยู่ข้างในแคมป์จะรู้ครับว่าพวกเราเหนื่อย พวกเราฝ่าฟันอุปสรรคกันมาไม่ใช่ง่ายๆ ครับ กว่าจะได้เหรียญทองไม่ใช่เพราะผมคนเดียว แต่เป็นเพราะทีมงานรวมถึงเจ้าหน้าที่สมาคมฯ แม่บ้าน พี่ รปภ. หลายๆ คน
“ผมก็ได้เป็นผู้ให้ มีน้ำใจให้พวกเขาเหล่านั้นครับ อีก 4-5 ปีต่อมาผมไม่ได้ลงเล่นแข่งขัน ผมยังอยู่ในทีมงานคู่ซ้อมนะครับ ผมก็ยังได้รับส่วนแบ่ง ผมรู้สึกดีใจและสบายใจที่เป็นทั้งผู้ให้และผู้รับครับ
“ไม่มีใครถูกไม่มีใครผิดครับ เพราะมันเป็นเรื่องของน้ำใจ ความพึงพอใจของผู้ให้และผู้รับ ไม่มีใครสามารถบังคับใครได้ครับ ทุกคนมีสิทธิที่จะคิดเห็นต่างครับ”
อ้างอิง: