ปัจจุบันเทรนด์สินค้าทดแทนเพื่อสุขภาพ หรือเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมมีมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาล และเนื้อไร้เนื้อ (เนื้อที่ทำมาจากพืช) จากบริษัทชื่อดังอย่าง Beyond Meat ล่าสุดสตาร์ทอัพน้องใหม่อย่าง Atomo Coffee ร่วมแจมตลาดนี้ด้วยเช่นกัน โดยสินค้าของบริษัทคือ ‘กาแฟไร้กาแฟ’
สตาร์ทอัพนี้เปิดตัวในปี 2019 และเริ่มวางจำหน่ายแบบจำกัดจำนวนในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นกาแฟแบบ Cold Brew ที่รสชาติเหมือนกาแฟ Cold Brew จริงๆ และยังให้พลังงานเพื่อความกระปรี้กระเปร่าได้เหมือนกันอีกด้วย แต่ส่วนผสมของกาแฟกระป๋องนี้ไม่ได้ทำมาจากเมล็ดกาแฟ แต่จะใช้เมล็ดอินทผาลัม รากชิโครี ผิวองุ่นผสมกัน และเพิ่มคาเฟอีนเข้าไปเพื่อเลียนแบบกาแฟแบบดั้งเดิม
สิ่งที่น่าสนใจคือ แอนดี้ ไคลอิส์ช (Andy Kleitsch) ซีอีโอของ Atomo กล่าวว่า “ส่วนผสมเหล่านี้ส่วนใหญ่มาจากการรีไซเคิลทั้งสิ้น หมายความว่าหาก Atomo ไม่ได้ใช้ส่วนผสมเหล่านี้ ส่วนผสมที่ว่ามาก็อาจถูกโยนทิ้งไป”
นอกจากการนำส่วนผสมที่ไร้ประโยชน์ กลับมาทำให้มีประโยชน์โดยการรีไซเคิลแล้ว Atomo ยังใช้บริการจากภายนอกที่ชื่อว่า Carbon Cloud เป็นบริการที่ใช้คำนวณกระบวนการผลิตของบริษัทว่าปล่อยคาร์บอนออกไปมากเท่าไร ซึ่งกาแฟ Cold Brew ของ Atomo ปล่อยคาร์บอนน้อยกว่ากาแฟ Cold Brew แบบดั้งเดิมถึง 93% และยังใช้น้ำน้อยกว่าถึง 94%
คอนเซปต์ของ Atomo นั้นคล้ายกับบริษัทเนื้อไร้เนื้ออย่าง Beyond Meat ที่บอกว่าการทำปศุสัตว์เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งส่งผลต่อภาวะโลกร้อน ซึ่งกาแฟไร้กาแฟของ Atomo ก็ใช้คอนเซปต์ที่คล้ายๆ กัน
โอกาสของ Atomo ยังมีพื้นที่แข่งขันอีกมายมาก เนื่องจากยังเป็นตลาดที่มีคู่แข่งทางตรงน้อยราย และเทรนด์การรักษ์สิ่งแวดล้อมก็ยังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แต่ความท้าทายอย่างหนึ่งของ Atomo คือการโน้มน้าวคนกาแฟให้มาดื่ม ‘กาแฟไร้กาแฟ’ และพิสูจน์ว่ากาแฟของ Atomo สามารถทดแทนกาแฟแบบดั้งเดิมได้อย่างไร้ที่ติ
ในด้านภาพใหญ่ ตลาดกาแฟพร้อมดื่มกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามรายงานของ Euromonitor International ตลาดกาแฟพร้อมดื่มจะมีมูลค่าถึง 4.4 พันล้านดอลลาร์ (1.46 แสนล้านบาท) ในปี 2021
นอกจากนั้นผู้เชี่ยวชาญอย่าง แมทธิว แบร์รี ที่ปรึกษาอาวุโสด้านเครื่องดื่มที่ Euromonitor International กล่าวว่า “ยังมีโอกาสอีกมากในตลาดกาแฟทางเลือก รวมถึงความแห้งแล้งและสภาพอากาศที่หนาวอย่างรุนแรงในบราซิล ซึ่งบราซิลถือเป็นซัพพลายเออร์เมล็ดกาแฟรายใหญ่ที่สุดในโลก ได้รับความเสียหาย จึงส่งผลต่อตลาดกาแฟในปีนี้”
รวมถึงไคลอิส์ชกล่าวว่า “การเติบโตของความต้องการดื่มกาแฟ จะทำให้ผู้ปลูกเมล็ดกาแฟหลายรายต้องหาที่ดินเพื่อปลูกเพิ่มเติม และต้องตัดต้นไม้ในบริเวณนั้นทิ้งให้ราบก่อนที่จะปลูกได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม”
“การปลูกกาแฟนำไปสู่การตัดไม้ทำลายป่าอย่างแน่นอน และยังมีไร่กาแฟอีกมากที่ไม่ใช้วิธีการปลูกที่ยั่งยืน” เทนซี วีแลน ผู้อำนวยการศูนย์เพื่อธุรกิจที่ยั่งยืนของ NYU Stern School of Business กล่าว ”แต่ก็ยังมีวิธีการปลูกกาแฟที่ยั่งยืนอยู่ ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนในท้องถิ่น และสร้างความหลากหลายทางชีวภาพในบริเวณนั้นด้วย มันดูง่ายเกินไปที่จะเหมารวมว่าการปลูกกาแฟนั้นทำลายสิ่งแวดล้อมทั้งหมด”
ทางด้าน ไคลอิส์ช ซีอีโอของ Atomo กล่าวว่า “เราเห็นด้วยว่ามีวิธีการปลูกกาแฟที่ยั่งยืน แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอ เมื่อเทียบกับความต้องการในตลาดกาแฟที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเราต้องการตอบสนองความต้องการนั้น โดยใช้วิธีที่สร้างความเสียหายให้กับโลกน้อยที่สุด”
นอกจากจุดขายต่างๆ แล้ว สิ่งสำคัญที่สุดที่ Atomo ต้องผ่านให้ได้เลยคือ ‘รสชาติ’ ไคลอิส์ชกล่าว “ตอนที่เราเปิดตัวครั้งแรก เราคิดว่าคอกาแฟตัวจริงจะเกลียด Atomo ของเรา แต่มันกลับตรงกันข้ามเลย”
ซึ่งสำนักข่าว CNN Business ได้ติดต่อสอบถาม ทอม บอมฟอร์ด ผู้อำนวยการด้านกาแฟของ Black Fox Coffee เครือร้านกาแฟระดับหรูในนิวยอร์ก ว่าเขาคิดเห็นอย่างไรกับ ‘กาแฟไร้กาแฟ’ ของ Atomo ซึ่งเขาบอกว่า เขาคิดว่าผลิตภัณฑ์ของ Atomo จะสามารถวางขายได้อย่างราบรื่น
“รสชาติเหมือนกาแฟ Cold Brew จริงๆ เลย แต่เป็น Cold Brew ที่รสชาติห่วย” บอมฟอร์ดกล่าว “แต่ถ้าคุณเป็นคอกาแฟ Cold Brew อยู่แล้ว มันอาจโอเคสำหรับคุณ”
ทั้งนี้ กาแฟของ Atomo ถือว่าเกินความคาดหมายของผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟอย่างบอมฟอร์ด เราต้องดูกันต่อไปว่า ‘กาแฟไร้กาแฟ’ ของ Atomo จะทำให้ Atomo ผงาดเป็นผู้ครองตลาดนี้ในอนาคต หรือจะเป็นแค่ ‘บริษัทไร้กำไร’
อ้างอิง:
- https://edition.cnn.com/2021/11/24/business/atomo-coffee-alternative/index.html
- https://www.facebook.com/AtomoMolecularCoffee/
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP
