วันนี้ (7 มีนาคม) อธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ปฏิบัติหน้าที่แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ภายหลังต้องปฏิบัติหน้าที่แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ตนได้เรียกหัวหน้าหน่วยในสังกัดกระทรวงฯ มาชี้แจงความคืบหน้าทุกโครงการที่ยังล่าช้าไม่เป็นไปตามแผน เพื่อเร่งรัดให้เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทันในวาระรัฐบาลชุดปัจจุบันที่คาดว่าจะปฏิบัติหน้าที่ถึงเดือนสิงหาคมนี้
ในส่วนของความคืบหน้าการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ขณะนี้ได้เรียก ภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) มาชี้แจงถึงรายละเอียดโครงการแล้ว โดยเรื่องดังกล่าวเน้นย้ำว่าจะต้องเดินหน้าตามกระบวนการทางกฎหมาย
อธิรัฐกล่าวว่า ปัจจุบันข้อพิพาทมีการตัดสินไปเพียง 1 คดี ยังคงเหลืออีก 3 คดีที่อยู่ระหว่างพิจารณา ดังนั้นจะต้องพิจารณาเรื่องนี้อย่างละเอียดว่าข้อพิพาทที่ยังเหลืออยู่นั้น มีความเกี่ยวข้องหรือจะมีผลอย่างไร
“โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มถ้าประเด็นยังไม่เคลียร์ก็คงไปต่อไม่ได้ เพราะยังมีคดีที่เหลืออยู่ระหว่างการพิจารณา ดังนั้นเรื่องนี้ขอใช้เวลาในการพิจารณารายละเอียดทั้งหมดก่อน เพราะขณะนี้แม้ว่า รฟม. จะชี้แจงข้อมูลแล้ว แต่ก็ยังไม่เคลียร์ว่าอีก 3 คดีที่เหลือต้องรอศาลพิจารณาก่อนหรือไม่” อธิรัฐกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ส่วนกรณีที่โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มจะเสนอทันภายในรัฐบาลชุดนี้หรือไม่ อธิรัฐกล่าวว่ายังไม่สามารถตอบได้ เพราะต้องพิจารณาทุกเรื่องให้เป็นไปตามกฎหมายก่อน แต่หากทุกเรื่องสามารถชี้แจงได้และมีคำตอบสู่สังคม กระทรวงฯ ก็พร้อมที่จะเดินต่อได้ อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ต้องดูหลายองค์ประกอบด้วย ไม่ใช่เพียงนโยบายหรือการตัดสินใจจากทางกระทรวงฯ เพราะหากบางประเด็นยังตอบสังคมไม่ได้ ก็จะต้องรอกระบวนการยุติธรรม รอกระบวนการศาลเป็นผู้พิจารณาด้วย
นอกจากนี้ทุกโครงการลงทุนของกระทรวงคมนาคมที่ยังค้างอยู่ หรืออยู่ในขั้นตอนเตรียมเสนอ ครม. ตนได้สั่งการให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรายงานความคืบหน้า เพื่อทบทวนทุกโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วน หากการดำเนินการในโครงการต่างๆ ไม่ขัดต่อข้อกฎหมาย แม้ตนจะอยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ก็มีอำนาจในการเสนอโครงการลงทุนเหล่านี้ให้ที่ประชุม ครม. อนุมัติเพื่อดำเนินการได้
อธิรัฐกล่าวต่ออีกว่า จากประเด็นที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ช่วงที่มีการเลือกตั้ง ตนยอมรับว่าหนักใจ แต่ถ้าอะไรที่ทำแล้วทำให้สังคมรู้สึกสบายใจ และทำให้ผู้ที่เสียภาษีหลายคนที่สงสัยเรื่องนี้มีความกระจ่างขึ้น ก็ยินดีทำให้ถูกต้องและมีคำตอบให้มากที่สุด ส่วนกรณีที่ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ยื่นหนังสือเพื่อให้ตรวจสอบการทำงานของข้าราชการและเรื่องต่างๆ ในกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมนั้น ตนยืนยันว่าจะดำเนินการตามข้อเท็จจริง ซึ่งจะต้องพิจารณาจากข้อมูลเอกสารก่อน