วันนี้ (20 สิงหาคม) สมัชชาคนจนออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1 เรื่อง สนับสนุนข้อเรียกร้องของเยาวชนปลดแอก และเรียกร้องให้ยุติการดำเนินคดีต่อ บารมี ชัยรัตน์ และแกนนำนักเรียน นักศึกษา ทุกคน โดยมีเนื้อหาระบุว่า
ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางการเมืองที่สำคัญอีกครั้งหนึ่ง เมื่อรัฐบาลสืบทอดอำนาจ คสช. ได้ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือคุกคามปิดปากคนที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษา ผู้นำแรงงาน นักกิจกรรมทางการเมือง รวมถึงผู้นำของคนจน และสมัชชาคนจนเห็นว่าไม่อาจจะยอมรับการคุกคามประชาชนได้อีกต่อไป
รัฐบาลของ พล.อ. ประยุทธ จันทร์โอชา กดขี่ข่มเหงพี่น้องคนจนมาโดยตลอด เช่น ไล่รื้ออพยพคนจนออกจากที่ทำกิน แย่งชิงทรัพยากรดิน-น้ำ-ป่า เพื่อสร้างเขื่อน เพื่อทำเขตเศรษฐกิจพิเศษ และอื่นๆ ไม่เคยแก้ไขปัญหาของคนจนอย่างจริงใจ ผู้นำของเราถูกเจ้าหน้าที่รัฐติดตาม คุกคาม ข่มขู่ สกัดกั้นไม่ให้เรียกร้องความเป็นธรรม รวมถึงถูกกลั่นแกล้งทางกฎหมายต่างๆ นานา เพื่อสร้างภาระและกีดกันการเข้าถึงความยุติธรรม ดังปรากฏการณ์การจับตัวในยามวิกาลเช่นนี้
เมื่อรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 มีผลบังคับใช้แล้ว นักศึกษา คนงาน เกษตรกร และคนจนอื่นๆ ซึ่งตระหนักในสิทธิและเสรีภาพทางเมืองตามระบอบประชาธิปไตย ได้ชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาที่หมักหมมมานาน จนกระทั่งเกิดการชุมนุมใหญ่ของนักศึกษาที่นำโดยกลุ่มเยาวชนปลดแอก เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2563 ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยมีข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ซึ่ง บารมี ชัยรัตน์ เลขาธิการของสมัชชาคนจน ได้เข้าร่วมสังเกตการณ์การชุมนุม และได้มีโอกาสปราศรัยในเวทีดังกล่าว
สมัชชาคนจนเห็นว่าข้อเรียกร้องทั้ง 3 ประการของกลุ่มเยาวชนปลดแอกสอดคล้องกับจุดยืนของสมัชชาคนจน เพราะพี่น้องคนจนถูกผู้มีอำนาจในนามของรัฐข่มขู่คุกคามเสมอมา เราสนับสนุนให้ยุบสภาฯ เพื่อให้มีผู้แทนราษฎรและรัฐบาลที่มาจากประชาชน เข้ามาแก้ไขปัญหาของคนจน และเราต้องการรัฐธรรมนูญใหม่ที่เป็น ‘ประชาธิปไตยที่กินได้ การเมืองที่เห็นหัวคนจน’ อย่างที่เราเรียกร้องเสมอมา
แต่ขณะนี้ บารมี ชัยรัตน์ เลขาธิการของสมัชชาคนจน ถูกจับกุมดำเนินคดีเพียงเพราะต้องการใช้สิทธิและเสรีภาพตามกฎหมายในการเข้าร่วมการชุมนุมโดยสงบดังกล่าว ซึ่งการกระทำของรัฐเป็นการคุกคามสิทธิและเสรีภาพของประชาชนอันเป็นหลักการของระบอบประชาธิปไตย
สมัชชาคนจนขอสนับสนุนข้อเรียกร้องทั้ง 3 ประการของกลุ่มเยาวชนปลดแอก และเรียกร้องให้ปล่อยตัว บารมี ชัยรัตน์ และแกนนำที่ถูกจับกุมในทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข พร้อมทั้งยุติการคุกคามดำเนินคดีแกนนำทุกคน สมัชชาคนจนพร้อมที่จะเคลื่อนไหวและปักหลักชุมนุมยืดเยื้อที่กรุงเทพมหานคร หากไม่มีการดำเนินการใดๆ ในทันทีต่อข้อเรียกร้องของเรา
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล