การชุมนุมของคณะราษฎรในวันที่ 14 ตุลาคม กลายเป็นการนัดชุมนุมที่ถูกจับตามากที่สุดยิ่งกว่าครั้งก่อนหน้า เพราะการชุมนุมของคณะราษฎรครั้งนี้เกิดขึ้นในห้วงเวลาคาบเกี่ยวกับการประกอบพระราชกรณียกิจ ซึ่งมาพร้อมกับการนัดหมายรวมพลคนมารับเสด็จฯ อาทิ สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. และอดีตพระพุทธอิสระ อดีตแกนนำ กปปส.
แกนนำคณะราษฎรขยับเวลานัดรวมพลบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเป็นเวลา 08.00 น. จากเดิมที่นัดหมายเวลา 14.00 น. หลัง 21 แกนนำถูกตำรวจจับกุมไปก่อนหน้านี้ ขณะที่มวลชนสวมเสื้อเหลืองที่มารอเฝ้าฯ รับเสด็จ ก็ปักหลักยึดพื้นที่ฟุตปาธบริเวณถนนราชดำเนินเช่นกัน
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดการเผชิญหน้าและปะทะกันเป็นครั้งคราว ระหว่างมวลชนสองฝ่ายที่มีความเห็นแตกต่างกันในประเด็นที่แหลมคมที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
ช่วงหนึ่งขบวนเสด็จพระราชดำเนินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เคลื่อนที่ผ่านกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มคณะราษฎร โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจถวายการอารักขาประกบรถยนต์พระที่นั่ง และในจังหวะนั้นผู้ชุมนุมบางส่วนชูสามนิ้วพร้อมตะโกนว่า “ปล่อยเพื่อนเรา” ขณะที่ขบวนเสด็จฯ เคลื่อนผ่าน
บรรยากาศการชุมนุมของคณะราษฎรในช่วงค่ำ มวลชนคณะราษฎรสามารถเคลื่อนขบวนผ่านแนวกั้นของตำรวจมาถึงทำเนียบรัฐบาลได้สำเร็จ โดยมีมวลชนเต็มพื้นที่ถนนพิษณุโลก จากบริเวณแยกมิสกวันถึงแยกนางเลิ้ง
หลังกลุ่มมวลชนเคลื่อนขบวนมาถึงทำเนียบรัฐบาลตามที่ประกาศเจตนารมณ์ไว้แล้ว แกนนำการชุมนุมยืนยันว่าจะปักหลักค้างคืนที่บริเวณทำเนียบรัฐบาลอย่างน้อย 3 วัน และยืนยันข้อเรียกร้อง 3 ข้อที่ตั้งไว้ก่อนการชุมนุม คือ
- พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
- เปิดประชุมวิสามัญทันที เพื่อรับร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญจากประชาชน
- ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้เครื่องขยายเสียงประกาศให้ผู้ชุมนุมยุติการชุมนุมภายในเวลา 22.00 น.
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล