วันนี้ (9 กรกฎาคม) รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาส คณบดีวิทยาลัยสื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก ได้เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในฐานะนักวิชาการที่จับตาการเมืองหลังเลือกตั้งอย่างมีความหวังที่จะเห็นประเทศไทยเปลี่ยนผ่านสู่ยุคประชาธิปไตยแบบอารยะ ซึ่งสิ่งนี้จะไม่เป็นจริงหากไม่ได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกวุฒิสภา จึงขอส่งจดหมายเปิดผนึกฉบับนี้มาเพื่อวิงวอนให้ท่าน ส.ว. ร่วมเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่กับประชาชนคนไทยทั้งประเทศ
สำหรับรายละเอียดในจดหมายเปิดผนึกดังกล่าวมีรายละเอียดระบุว่า เรียน ท่านสมาชิกวุฒิสภาที่นับถือ วันที่ 13 กรกฎาคมนี้ คือวันที่ท่านจะได้ใช้อำนาจตามตำแหน่งชี้ชะตาประเทศไทย การตัดสินใจลงมติของท่านจะส่งผลอย่างใหญ่หลวงต่อประเทศชาติ ประชาชน และตัวท่านเอง
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้รับเลือกตั้งด้วยคะแนน 14,438,851 คะแนน ได้ ส.ส. รวม 151 คน เป็นพรรคที่ชนะเลือกตั้งมาเป็นอันดับหนึ่ง จึงเป็นความชอบธรรมที่จะได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามฉันทามติของประชาชน
ข้อกล่าวหาทั้งหลายต่อตัวนายพิธาล้วนเป็นเพียง ‘ข้อกล่าวหา’ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน มาตรา 29 วรรคสอง บัญญัติไว้ว่า ‘ในคดีอาญาให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า ผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด และก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดได้กระทำความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำผิดมิได้’
กรณีนายพิธายังไม่มีศาลใดพิพากษาหรือแม้แต่ประทับรับฟ้อง ย่อมถือว่านายพิธาเป็นผู้บริสุทธิ์ จึงเป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญที่จะได้รับการลงมติให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
หากท่าน ส.ว. เลือกที่จะลงมติตามเจตจำนงของมหาชน โดยเห็นชอบให้นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี ประเทศก็จะเดินหน้าตามครรลองประชาธิปไตยต่อไป ประชาชนย่อมยินดีที่เสียงของพวกเขาได้รับการตอบสนอง ในฐานะเจ้าของประเทศ บ้านเมืองก็จะสงบสุข ไม่มีการเมืองบนท้องถนน
ตัวท่านเองก็จะได้รับการยกย่องว่าเป็น ส.ว. ผู้กล้าหาญ มีจิตวิญญาณประชาธิปไตย เป็นอิสระจากระบบอุปถัมภ์ทั้งปวง ครอบครัวของท่านก็จะได้รับการยอมรับนับถือจากสังคม
ผิดจากนี้ ท่านอาจตกเป็นจำเลยของสังคม ในข้อหาเป็นผู้ขัดขวางกระบวนการประชาธิปไตยของประชาชน ท่านเลือกได้ที่จะให้ประวัติศาสตร์จดจำชื่อเสียงวงศ์ตระกูลของท่านในฐานะวีรบุรุษประชาธิปไตยที่สังคมจะยกย่องสรรเสริญตลอดไป หรือจะเป็นโมฆบุรุษที่จะถูกสังคมประณามตราบชีวิตจะหาไม่
ท่าน ส.ว. ทั้งหลายโปรดตระหนักว่านี่คือช่วงเปลี่ยนผ่านของประเทศไทยสู่ยุคประชาธิปไตยแบบอารยะ เป็นช่วงเวลาประวัติศาสตร์ที่ท่านร่วมสร้างให้แก่ชาวไทยทั้งประเทศ การลงมติของท่านจะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ที่ลูกหลานจะกล่าวขานแซ่ซ้องตราบนานเท่านาน ด้วยความเชื่อมั่นและศรัทธา