วันนี้ (8 ตุลาคม) เป็นพิธีปิดการแข่งขันเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19
โดยตลอดการแข่งขัน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทีมข่าว THE STANDARD ได้ลงพื้นที่เกาะติดการแข่งขันที่หางโจวเกมส์ ประเทศจีน
ตลอดการแข่งขันมีไฮไลต์สำคัญต่างๆ เกิดขึ้นในหลากหลายสนาม และนี่คือภาพรวมของหลากหลายเหตุการณ์ อารมณ์ ความรู้สึก และประวัติศาสตร์ของการแข่งขันเอเชียนเกมส์ในครั้งนี้
ช่างแม่ง! เทนนิส-พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ จากที่ตามหลังอยู่ 0-23 คะแนน สู่เหรียญทองเอเชียนเกมส์สมัยที่ 2
นับเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งหนึ่งของวงการกีฬาไทย หลังจากที่ เทนนิส พาณิภัค เสมอกับ กัวชิง นักกีฬาเทควันโดจีน อยู่ 1-1 ยก และเข้าสู่ยกตัดสินก็เกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดขึ้น เมื่อนักกีฬาเจ้าภาพกับเทนนิสเข้าปะทะกันครั้งเดียว แต่คะแนนไหลจาก 0-6 ขึ้นไปเป็น 0-23 คะแนน จนทำให้เกิดการประท้วงจากทีมชาติไทยว่านี่ไม่ใช่การแข่งขันที่ปกติแล้ว
ในช่วงเวลากว่าสิบนาทีที่ประท้วงกัน เทนนิสมีสีหน้าเหมือนกำลังจะร้องไห้จากเหตุการณ์ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นกับการแข่งขันระดับเอเชีย ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทย ก็เดินไปประท้วงฝั่งผู้ตัดสินครั้งนี้ รวมถึงครอบครัวเทนนิสที่เข้าสนามมาก็ตะโกนบอกกับเทนนิสว่า “พ่อมาแล้ว พี่มาแล้ว” เพื่อเป็นกำลังใจช่วงสำคัญให้เทนนิสสู้ต่อไป เช่นเดียวกับ โค้ชเช ชัชชัย เช เฮดโค้ชฝั่งไทย ที่เขวี้ยงเสื้อแจ็กเก็ตลงพื้น แสดงความไม่พอใจต่อผลการตัดสิน
สุดท้ายเมื่อกลับมาแข่งขัน ฝ่ายตัดสินยอมปรับคะแนนกลับมาให้เหลือ 0-6 แต้ม และเทนนิสก็บุกใส่อย่างเต็มที่จนสุดท้ายเอาชนะไปได้ 12-9 คะแนนในยกตัดสิน และคว้าเหรียญทองมาครองได้สำเร็จเป็นสมัยที่ 2 ในเอเชียนเกมส์
หลังจบการแข่งขัน เทนนิสยอมรับว่าสิ่งที่คิดหลังจากได้ยินเสียงพ่อ พี่ชาย และครอบครัว ก็ตัดสินใจว่าจะช่างแม่งและทำให้สุดความสามารถ จนพลิกสถานการณ์กลับมาคว้าชัยไปครองได้สำเร็จ และปิดฉากการแข่งขันเอเชียนเกมส์ครั้งสุดท้ายของเธอได้อย่างสวยงาม
ก่อนจะไปแข่งขันปารีส 2024 โอลิมปิกเกมส์สมัยสุดท้ายของเธอในปีหน้า
บิว-ภูริพล บุญสอน ลมกรดหนุ่มที่เร็วเป็นอันดับที่ 2 ของเอเชีย
นับตั้งแต่ บิว ภูริพล แจ้งเกิดในการแข่งขันกีฬาแห่งชาติด้วยการทำลายสถิติประเทศไทยที่ศรีสะเกษเกมส์ ทุกคนก็เฝ้ารอคอยเห็นวันที่บิวก้าวขึ้นมาแข่งขันเอเชียนเกมส์ เพื่อประลองความเร็วกับนักกีฬาชั้นนำของเอเชีย
มาครั้งนี้บิวเพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บจากซีเกมส์ที่กัมพูชาเมื่อกลางปีที่ผ่านมา แต่ก็สามารถวิ่งเข้าเส้นชัยเป็นลำดับที่ 2 คว้าเหรียญเงินเอเชียนเกมส์สมัยแรกมาครองด้วยสถิติเวลา 10.02 วินาที ซึ่งนับเป็นสถิติที่ดีที่สุดของตัวเอง
แต่เนื่องจากความเร็วของลมเข้ามาช่วยเกิน 2.0 เมตรต่อวินาที คือ 2.4 เมตรต่อวินาที ทำให้สถิติประเทศไทยที่ดีที่สุดของ บิว ภูริพล ยังอยู่ที่ 10.06 วินาทีที่เคยทำได้ในรอบรองชนะเลิศ
แต่ก็น่าเสียดายที่บิว DNF หรือ Did Not Finish การแข่งขันรอบรองชนะเลิศ 200 เมตรชาย และจบการแข่งขัน 4×100 เมตรวิ่งผลัดชาย ในอันดับที่ 4 พลาดเหรียญรางวัลไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งที่เพิ่งคว้าแชมป์กรีฑาชิงแชมป์เอเชียในประเภทนี้ ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเมื่อกลางปีที่ผ่านมา
EA FC Online เมื่อ TDKeane vs. JUBJUB สองตัวแทนจากไทย ทะลุเข้าชิงชนะเลิศกันเอง ในศึกอีสปอร์ตที่เปิดชิงเหรียญรางวัลในเอเชียนเกมส์ครั้งแรก
เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 นับเป็นครั้งแรกที่อีสปอร์ตเป็นกีฬาชิงเหรียญรางวัล ซึ่งในเกม EA FC Online พัฒนศักดิ์ วรนันท์ หรือ JUBJUB ทะลุผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศไปพบกับ ธีเดช ทรงสายสกุล หรือ TDKeane เพื่อนร่วมชาติจากประเทศไทย ซึ่งแม้ว่า TDKeane จะเป็นฝ่ายเอาชนะไปได้และคว้าเหรียญทองไปครอง ขณะที่ JUBJUB ได้เหรียญเงิน แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับทั้งสองคน และเป็นความสำเร็จสำหรับอีสปอร์ตไทยบนเวทีโลกอีกครั้ง
นอกจากนี้อีสปอร์ตไทยยังสามารถคว้าเหรียญทองแดงได้อีก 2 เหรียญจาก AOV (Arena of Valor) และ Dream Three Kingdoms 2 ปิดฉากการแข่งขันด้วยผลงาน 1 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน และ 2 เหรียญทองแดง
หวังชุน และ จางอวี่เฟย ซูเปอร์สตาร์แห่งเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19
จากการลงพื้นที่เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 พบว่า กีฬาว่ายน้ำเป็นกีฬาที่แฟนกีฬาชาวจีนให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ และนักกีฬาเจ้าภาพก็ไม่ทำให้แฟนกีฬาจีนผิดหวัง เมื่อพวกเขาสามารถเก็บไปได้ 28 เหรียญทอง โดยมี หวังชุน นักกีฬาว่ายน้ำชาย ผู้จุดคบเพลิงคนสุดท้ายในพิธีเปิดการแข่งขัน และ จางอวี่เฟย นักกีฬาว่ายน้ำหญิง ที่คว้าไป 6 เหรียญทองในการแข่งขันครั้งนี้ ซึ่งเป็นซูเปอร์สตาร์ของการแข่งขัน
วอลเลย์บอลหญิงไทยกับตำแหน่งที่ 3 ของเอเชียนเกมส์ หลังผ่านศึกหนักติดต่อกัน 3 รายการ
นับตั้งแต่ศึกชิงแชมป์เอเชีย หรือ AVC ที่นครราชสีมา ต่อด้วยศึกควอลิฟายไปโอลิมปิกเกมส์ที่โปแลนด์ มาถึงเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่หางโจว ประเทศจีน วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยก็เผชิญกับศึกหนักอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายเดือน
แต่สุดท้ายก็สามารถทำผลงานได้ดีในหลายรายการ แม้ว่าจะต้องใช้นักกีฬาชุดเดิมเป็นหลัก
มาในครั้งนี้ไทยต้องเจอศึกหนัก เมื่อพ่ายให้กับญี่ปุ่นในรอบที่ 2 (8 ทีมสุดท้าย) กลุ่มเอฟ นัดที่ 2 ทำให้ต้องไขว้ไปพบกับจีน เจ้าภาพจัดการแข่งขัน ในรอบรองชนะเลิศ และสุดท้ายพ่ายให้กับเจ้าภาพ จนต้องไปชิงที่ 3 กับเวียดนาม
แต่มาถึงรอบชิงอันดับที่ 3 แม้ว่าเวียดนามที่ปีนี้ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ แต่วอลเลย์บอลสาวไทยก็ยังโชว์ฟอร์มแกร่ง เอาชนะไปได้ 3-0 เซ็ต คว้าเหรียญรางวัลมาครองเป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน นับตั้งแต่ได้เหรียญทองแดงที่อินชอน ประเทศเกาหลีใต้ ปี 2014 ต่อด้วยการได้เหรียญเงินที่จาการ์ตา-ปาเล็มบัง ประเทศอินโดนีเซีย ปี 2018 และมาได้เหรียญทองแดงในครั้งนี้
มิตรภาพของการแข่งขัน
ตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนักกีฬาไทยและนักกีฬาต่างประเทศ ที่หางโจวเราได้มีโอกาสเห็นนักกีฬาชั้นนำของเอเชียและบางคนก็ยังนับเป็นนักกีฬาชั้นนำของโลก ลงแข่งขันเพื่อชิงความเป็นหนึ่งในเอเชีย
ซึ่งเราได้พบเห็นทั้งการเตรียมพร้อมในวินาทีก่อนการแข่งขัน ไปจนถึงวินาทีของความสำเร็จและล้มเหลวของแต่ละคนที่บอกกับเราว่า สิ่งที่ทุกคนกำลังทำอยู่นี้มีความหมายต่อพวกเขามากแค่ไหน
และที่สำคัญที่สุดคือมิตรภาพที่เกิดขึ้นจากการแข่งขัน ทั้ง จางอวี่เฟย นักว่ายน้ำจีน ที่คว้า 6 เหรียญทองในเอเชียนเกมส์ครั้งนี้ และ ริคาโกะ อิเคเอะ นักกีฬาว่ายน้ำจากญี่ปุ่น ที่คว้า 6 เหรียญทองในเอเชียนเกมส์ครั้งที่แล้ว ซึ่งทั้งคู่คอยให้กำลังใจกันและกันตลอดมา
โดยจางอวี่เฟยแม้จะเป็นคู่แข่งโดยตรงในสระว่ายน้ำ แต่เธอก็เป็นคนที่คอยให้กำลังใจกับริคาโกะในวันที่เธอต้องต่อสู้กับโรคลูคีเมีย จนสามารถกลับมาว่ายน้ำได้อีกครั้ง
เพราะนี่คือคุณค่าที่แท้จริงของการแข่งขันในมหกรรมกีฬาที่การแข่งขันไม่ได้ทำให้ทุกชาติต้องกลายเป็นศัตรูกัน แต่สามารถสร้างมิตรภาพระหว่างประเทศให้เกิดขึ้นในรูปแบบที่เวทีอื่นๆ ของโลกไม่สามารถสร้างได้
ขอบคุณทัพนักกีฬาทีมชาติไทยที่ต่อสู้อย่างหนักตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ในเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 นับว่าเป็นเอเชียนเกมส์ครั้งที่เป็นงานหนักของกีฬาหลายชนิด เมื่อเอเชียนเกมส์ที่ตามกำหนดการเดิมต้องแข่งขันในปี 2022 ถูกย้ายมาแข่งขันในปี 2023 เนื่องจากสถานการณ์โควิด ส่งผลให้โปรแกรมกีฬาหลากหลายชนิดมีการแข่งขันติดต่อกันหลายรายการจนมาถึงเอเชียนเกมส์ครั้งนี้
โดยเฉพาะวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยที่มีทั้ง VNL, ชิงแชมป์อาเซียน, ชิงแชมป์เอเชีย และศึกควอลิฟายไปโอลิมปิก 2024 ไปจนถึงกรีฑาไทยที่แข่งทั้งซีเกมส์ ชิงแชมป์เอเชีย และเอเชียนเกมส์
แต่สุดท้ายทุกชนิดกีฬาก็สามารถคว้ามาได้ 12 เหรียญทองในการแข่งขันมหกรรมกีฬาระดับเอเชียครั้งนี้
THE STANDARD หนึ่งในสื่อที่เกาะติดการแข่งขันทั้งภาคสนามและรายงานจากประเทศไทย จึงอยากขอขอบคุณทุกความทุ่มเทตลอดการแข่งขันเอเชียนเกมส์ครั้งนี้ และขอส่งกำลังใจต่อให้กับนักกีฬาทุกคนที่ควอลิฟายและยังพยายามต่อสู้เพื่อสิทธิ์ในการไปแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ มหกรรมกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในปีหน้า
