เสียงจากผู้ประกอบการภาคบริการและท่องเที่ยวในเอเชียสะท้อนว่า การกระจายวัคซีนที่ล่าช้า รวมทั้งความไม่สมัครใจเข้ารับวัคซีนของประชากรในเอเชีย จะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ภูมิภาคเอเชียกลายเป็นกลุ่มประเทศที่ติดโควิด-19 ก่อนใคร แต่หายช้ากว่าทั่วโลก
Collinson Group บริษัทผู้ให้บริการด้านท่องเที่ยวและการเดินทางในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ระบุว่าประเทศในเอเชียอาจจะเป็นกลุ่มประเทศที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 เร็วสุด แต่หายจากการแพร่ระบาดได้ช้าที่สุด เหตุผลหลักมาจากการกระจายวัคซีนล่าช้า
ท็อด์ แฮนด์ค็อก (Todd Handcock) ประธานของ Collinson Group กล่าวกับสำนักข่าว CNBC ว่า เอเชียเป็นศูนย์กลางแรกของการระบาดโควิด-19 และอาจเป็นภูมิภาคสุดท้ายที่รอดพ้นจากการแพร่ระบาดครั้งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการท่องเที่ยวและการเดินทาง ตามคำกล่าวของประธานบริษัทให้บริการด้านการเดินทางในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
“ค่อนข้างน่าเสียดาย…เอเชียเป็นประเทศแรกที่เผชิญหน้ากับการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ ซึ่งเราก็คาดการณ์ว่าเอเชียน่าจะรอดพ้นจากวิกฤตการณ์ครั้งนี้ได้ด้วยอัตราการฉีดวัคซีน”
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจาก Our World in Data มีประชากรในเอเชียเพียง 22.26% ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 เข็มแรก ซึ่งค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบเคียงกับประเทศอื่น เช่น สหรัฐฯ มีประชากรได้รับวัคซีนเข็มแรกแล้ว 53.03% และสหราชอาณาจักร กระจายวัคซีนเข็มแรกสู่ประชาชนไปแล้ว 63.56%
แฮนด์ค็อก กล่าวกับรายการ Street Signs Asia ของ CNBC ว่า มีผู้คนจำนวนมากในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และยุโรป ที่เริ่มเดินทางอีกครั้ง
“เราได้เห็นการเดินทางภายในประเทศที่ฟื้นตัวดีขึ้นอย่างในประเทศจีน สหรัฐอเมริกา รัสเซีย ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเพราะประเทศเหล่านั้นมีอัตราการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้น ตอนนี้สหราชอาณาจักรเป็นหนึ่งในผู้นำของโลกในขณะนี้ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าตัวเลขการเดินทางเพิ่มขึ้นเป็นที่แน่นอน”
ทั้งนี้ การกระจายวัคซีนทั่วโลกนั้นไม่ยุติธรรมอย่างยิ่ง ซึ่งเอเชียก็กำลังประสบปัญหาดังกล่าว โดยเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อลิเซีย การ์เซีย-เฮอร์เรโร (Alicia Garcia-Herrero) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Natixis เปิดเผยว่า การกระจายวัคซีนในเอเชียได้รับผลกระทบจากข้อจำกัดด้านอุปทาน (ปริมาณวัคซีน) และความลังเลใจในการเข้ารับวัคซีนของประชากรในเอเชีย
“การแจกจ่ายวัคซีนทั่วโลกนั้นไม่ยุติธรรมอย่างยิ่ง และเอเชียกำลังประสบปัญหาดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” อลิเซียให้สัมภาษณ์ผ่าน Street Signs Asia เช่นกัน
โดยในเดือนเมษายน องค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า มากกว่า 87% ของวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลก ถูกส่งไปยังประเทศที่ร่ำรวย ขณะที่ประเทศยากจนได้รับจัดสรรวัคซีนน้อยกว่า 1%
ยิ่งไปกว่านั้น อลิเซียชี้ให้เห็นว่า ประชากรในเอเชียมีความไม่สบายใจอย่างมากในการเข้ารับวัคซีน ซึ่งสภาวการณ์เช่นนี้ไม่มีให้เห็นในชาติยุโรป หรือภูมิภาคอื่นของโลก หรืออย่างน้อยก็ไม่ได้มีความไม่สบายใจมากเท่ากับคนในเอเชีย
อย่างไรก็ตาม บางประเทศในเอเชีย เช่น ไต้หวันและเวียดนาม ประสบความสำเร็จอย่างมากในการยับยั้งไวรัส แม้ว่าหลังจากนั้นไม่นานจะเกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่อีกครั้ง
ขณะที่บางประเทศในเอเชียได้เสนอสิ่งจูงใจเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนมากขึ้น นอกเหนือไปจากโดนัทและป๊อปคอร์นฟรีที่มีให้ในสหรัฐฯ ยกตัวอย่าง ในฮ่องกง ที่มีการจับฉลากผู้โชคดีสำหรับประชาชนที่เข้ารับการฉีดวัคซีน โดยให้รางวัลสูงสุดเป็นอพาร์ตเมนต์แบบ 1 ห้องนอน มูลค่าประมาณ 10.80 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (หรือราว 1.39 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
และสายการบินที่ใหญ่ที่สุดของอินเดีย อย่าง IndiGo ได้มอบส่วนลด 10% ให้กับลูกค้าที่ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม
แต่ก็มีการรับมือที่แตกต่างออกไป เช่น ประเทศฟิลิปปินส์ ที่ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต ได้ขู่ว่าจะลงโทษจำคุกประชาชนหากปฏิเสธการเข้ารับวัคซีน
ด้าน ทิม เฮนต์สเชล (Tim Hentschel) ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของบริษัทจองโรงแรม HotelPlanner เรียกเอเชียว่า จุดหมายปลายทางที่ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง สาเหตุหลักมาจากอัตราการฉีดวัคซีนที่ลดลง
“ทันทีที่ดูเหมือนว่าจะมีความคืบหน้าเรื่องการเปิดประเทศและการท่องเที่ยว การระบาดครั้งใหม่และการล็อกดาวน์ก็เกิดขึ้น เหมือนที่เกิดขึ้นกับสิงคโปร์ กว่าการเดินทางของเอเชียจะกลับสู่สภาพปกติเหมือนช่วงก่อนเกิดโรคระบาด จะกินเวลาอีกยาวนานกว่ามาก หรือหากโชคร้าย อาจจะต้องใช้เวลาอีก 1 ปีหรือมากกว่านั้น”
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: