หุ้นไทยดิ่ง 24 จุด ตามตลาดหุ้นเอเชียที่ปิดลบกันถ้วนหน้า ต่างชาติกลับลำขายสุทธิ 3,665 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนทั่วไปช้อนซื้อ 5,036 ล้านบาท นักวิเคราะห์ระบุตลาดวิตกความขัดแย้งรัสเซียยูเครนปะทุความรุนแรงเพิ่มในช่วงสุดสัปดาห์จึงขายลดความเสี่ยง พร้อมประเมินหุ้นไทยสัปดาห์หน้ามีลุ้นรีบาวด์หากไร้เหตุการณ์รุนแรง
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยวันนี้ (4 มีนาคม) ดัชนี SET ปิดการซื้อขายที่ 1,671.72 จุด ลดลง 24.36 จุด หรือ 1.44% มูลค่าการซื้อขาย 87,712.50 ล้านบาท ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 1,009.68 จุด ลดลง 16.47 จุด หรือ 1.60%
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายมากสุด 5 อันดับแรก คือ
- PTT ปิดที่ 38.50 บาท -1.50 บาท หรือ -3.75% มูลค่าการซื้อขาย 4,061.40 ล้านบาท
- BANPU ปิดที่ 11.70 บาท -0.80 บาท หรือ -6.40% มูลค่าการซื้อขาย 3,296.52 ล้านบาท
- PTTEP ปิดที่ 150.50 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 3,133.54 ล้านบาท
- EA ปิดที่ 90 บาท -1 บาท หรือ -1.10% มูลค่าการซื้อขาย 2,414.65 ล้านบาท
- KBANK ปิดที่ 161 บาท -1 บาท หรือ -0.62% มูลค่าการซื้อขาย 2,348.29 ล้านบาท
โดยสถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 776.32 ล้านบาท
บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 595.37 ล้านบาท
นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 3,665.12 ล้านบาท
นักลงทุนทั่วไปในประเทศ ซื้อสุทธิ 5,036.81 ล้านบาท
ขณะตลาดหุ้นหลักในเอเชียปรับตัวลดลงถ้วนหน้า นำโดยดัชนี Hang Seng ของฮ่องกง ร่วงลง 2.5% ปิดที่ 21,905.29 จุด โดยหุ้นของ HSBC ร่วงลง 3.38% ส่วนดัชนี Shanghai Composite ลดลง 0.96% ปิดการซื้อขายที่ 3,447.65 จุด และดัชนี Shenzhen Component ลดลง 1.374% ปิดการซื้อขายที่ 13,020.46 จุด
ดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่น ร่วง 2.23% ปิดที่ 25,985.47 จุด โดยหุ้นกลุ่ม SoftBank Group ร่วงลง 4.78% ในขณะที่ดัชนี TOPIX ร่วง 1.96% มาอยู่ที่ 1,844.94 จุด
ดัชนี KOSPI ของเกาหลีใต้ ลดลง 1.22% ปิดการซื้อขายที่ 2,713.43 จุด ส่วน S&P/ASX 200 ของออสเตรเลีย ลดลง 0.57% ปิดที่ 7,110.80 จุด ส่วนดัชนี MSCI เอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) ลดลง 1.48%
ดัชนีสำคัญๆ ในเอเชียแปซิฟิกปรับตัวลดลงเป็นส่วนใหญ่ หลังจากมีรายงานว่ากองทหารรัสเซียเข้าโจมตียูเครนต่อเนื่อง จนทำให้เกิดเหตุไฟไหม้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในยูเครน ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลดลง เนื่องจากมีการขายทำกำไรและลดความเสี่ยงจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนในรัสเซียและยูเครน โดยช่วงเช้าวันนี้ก็มีรายงานเรื่องการโจมตียูเครนที่รุนแรงขึ้น จนทำเกิดเหตุไฟไหม้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในยูเครนด้วย
“การโจมตีมีความรุนแรงขึ้นและวันนี้เป็นวันทำการวันสุดท้ายของสัปดาห์ นักลงทุนจึงขายทำกำไรไปก่อน และเพื่อลดความเสี่ยงเพราะไม่รู้ว่าวันหยุดสุดสัปดาห์จะเกิดเหตุการณ์ที่รุนแรงขึ้นอีกหรือไม่” เทิดศักดิ์กล่าว
สำหรับแนวโน้มความเคลื่อนไหวของดัชนีในสัปดาห์หน้า (7-11 มีนาคม) ถ้าไม่มีเหตุการณ์ที่ทวีความรุนแรงขึ้น ประเมินว่า SET Index จะรีบาวด์กลับขึ้นมาได้ เนื่องจากปัจจัยบวกในประเทศยังมี การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ กำไรบริษัทจดทะเบียนโดยประเมินกรอบแนวรับที่ 1,660 จุด และแนวต้านที่ 1,690 และ 1,700 จุด
โดยกลยุทธ์การลงทุนในช่วงที่มีความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกคือกลุ่มที่ยังเติบโตได้ตามปกติตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนการผลิตที่ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาโภคภัณฑ์น้อย นั่นคือกลุ่มธนาคารและค้าปลีก
“2 กลุ่มนี้ราคาซื้อขายยังต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานอยู่ และเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์รุนแรงระหว่างรัสเซียและยูเครนน้อยกว่ากลุ่มอื่น โดยกลุ่มแบงก์ราคาเริ่มย่อตัวมาพักหนึ่งแล้ว หลังจากที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงต้นปี ส่วนกลุ่มค้าปลีกก็จะได้อานิสงส์จากกำลังซื้อในประเทศที่ฟื้นตัว” เทิดศักดิ์กล่าว
อ้างอิง: