วานนี้ (20 มิถุนายน) Nomura Holdings เปิดเผยรายงานระบุว่า ราคาอาหารในเอเชียมีแนวโน้มทะยานขึ้นอีกในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยสิงคโปร์ เกาหลีใต้ และฟิลิปปินส์จะเป็นชาติที่ราคาอาหารปรับตัวขึ้นรุนแรงสุด
Nomura คาดการณ์ว่า ราคาอาหารจะปรับตัวขึ้นอีกในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งเป็นผลพวงจากปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเอเชีย เช่น การที่จีนล็อกดาวน์สกัดโควิด การแพร่ระบาดของไข้หวัดหมูในไทย และคลื่นความร้อนรุนแรงในอินเดีย โดยหากไม่นับรวมญี่ปุ่นแล้ว ราคาอาหารในเอเชียปรับตัวขึ้นถึง 5.9% เมื่อเทียบรายปีในเดือนพฤษภาคม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
เงินเฟ้อที่สูงขึ้นเริ่มส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ เนื่องจากราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต้องซื้อบ่อยๆ อย่างอาหาร น้ำมันปรุงอาหาร หรือเนื้อสัตว์ ได้ดีดตัวสูงขึ้นอย่างมาก ซึ่งขณะนี้อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ได้ประกาศปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเพื่อรองรับค่าครองชีพที่สูงขึ้นแล้ว
นอกจากนี้ Nomura ยังระบุด้วยว่า ราคาข้าวอาจปรับตัวสูงขึ้นด้วย เนื่องจากหลายประเทศอาจหันมานำเข้าข้าวชนิดอื่นๆ ทดแทนข้าวสาลีที่มีราคาแพงขึ้นจากวิกฤตยูเครนและรัสเซีย
สถานการณ์ดังกล่าวได้สร้างความเสี่ยงให้กับสิงคโปร์ ซึ่งเป็นผู้นำเข้าอาหารรายใหญ่ โดยคาดว่าภาวะราคาอาหารเฟ้อจะปรับตัวขึ้นถึง 2 เท่า แตะที่ 8.2% ในช่วงครึ่งปีหลัง ส่วนอินเดียมีแนวโน้มเผชิญกับราคาอาหารที่สูงแตะ 9.1% เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น โดยเฉพาะราคาผัก เนื่องจากคลื่นความร้อนทำให้อาหารเน่าเสียง่าย
ภาพ: Ma Mingyan / China News Service via Getty Images
อ้างอิง: