วันนี้ (23 มีนาคม) แอชลีย์ บาร์ตี นักเทนนิสหญิงมือหนึ่งของโลกวัย 25 ปี จากออสเตรเลีย ได้ประกาศอำลาวงการเทนนิสอย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ (22 มีนาคม) โดยให้เหตุผลว่าเธอหมดแรงใจสำหรับการแข่งขันในระดับสูง
“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันพูดออกมาเต็มๆ ใช่เป็นเรื่องที่พูดยากมาก” บาร์ตีกล่าวในการสัมภาษณ์กับ เคซีย์ เดลลากัว อดีตเพื่อนร่วมทีมในเทนนิสประเภทหญิงคู่
“แต่ฉันมีความสขุมากและพร้อมแล้ว
“ฉันไม่มีแรงผลักดันทางร่างกาย จิตใจ และทุกอย่างที่ต้องมีในการท้าทายตัวเองให้ไปถึงจุดสูงสุดอีกต่อไปแล้ว ฉันหมดไฟ”
โดยการตัดสินใจของบาร์ตีนับเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นในการแข่งขันกีฬาระดับสูง โดยเฉพาะสำหรับบาร์ตีที่อยู่ในช่วงสูงสุดของอาชีพ
แต่บาร์ตีเองก็ประสบความสำเร็จเพียงพอ สำหรับการที่จะถูกบรรจุเข้าสู่หอเกียรติยศของวงการเทนนิสได้ ด้วยแชมป์เฟรนช์โอเพ่น 2019 วิมเบิลดันในปี 2021 และล่าสุด แชมป์ออสเตรเลียนโอเพ่น โดยนับรวมแชมป์ทั้งหมด 15 รายการในประเภทเดี่ยว และ 12 รายการในประเภทคู่
“ฉันรู้ว่าต้องทุ่มเทแค่ไหนถึงจะดึงเอาจุดที่ดีที่สุดของตัวเองออกมา” บาร์ตีกล่าว
“ฉันรู้ว่าทีมของฉันหลายครั้ง ฉันไม่มีสิ่งนั้นในตัวฉันอีกต่อไปแล้ว
“ร่างกาย ฉันไม่มีความพร้อมที่จะทุ่มเท เพราะฉันทุ่มทุกอย่างให้กับกีฬาที่สวยงามไปแล้ว และฉันมีความสุขกับสิ่งนี้
“สำหรับฉันแล้ว นี่เป็นความสำเร็จของฉัน”
สตีฟ ไซมอน ประธานของสมาคมนักเทนนิสอาชีพหญิง (WTA) กล่าวว่า “สำหรับความสำเร็จของเธอ ทั้งรายการระดับแกรนด์สแลม กับ WTA Finals และก้าวไปถึงจุดสูงสุดของการเป็นมือหนึ่งของโลก เธอได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า เธอคือหนึ่งในแชมป์ที่ยิ่งใหญ่ของ WTA
“เราขอให้แอชลีย์โชคดี และรู้ว่าเธอจะเดินหน้าต่อไปในฐานะตัวแทนของวงการเทนนิส ในขณะที่เธอเริ่มต้นเดินทางบทบาทใหม่ในชีวิตของเธอ เราจะคิดถึงเธอ” ไซมอนกล่าว
ในช่วงท้ายของบทสัมภาษณ์ บาร์ตีที่กำลังร้องไห้ถึงการออกมาประกาศเกษียณครั้งแรก ขณะที่เดลลากัวได้กล่าวให้กำลังใจกับบาร์ตีว่า
“การที่เราได้รู้จักกันมาเป็นเวลานาน สิ่งหนึ่งที่ฉันรู้คือ เธอจะตัดสินใจที่ถูกสำหรับตัวเอง และสุดท้ายก็จะประสบความสำเร็จในทางของตัวเอง ฉันคิดว่านี่เป็นสิ่งที่กล้าหาญ และเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก
“ขอให้สนุกกับการเกษียณ”
ก่อนที่บาร์ตีจะตอบกลับว่า
“เป็นเรื่องที่น่ากลัวสำหรับการเกษียณ ฉันจะไม่มีวันหยุดรักเทนนิส จะเป็นส่วนสำคัญของชีวิตฉัน แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ฉันจะสนุกไปกับบทต่อไปในชีวิต ในฐานะ แอช บาร์ตี คนธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่ใช่ แอช บาร์ตี นักกีฬาอาชีพ”
อ้างอิง: