THE STANDARD NOW ดำเนินรายการโดย อ๊อฟ-ชัยนนท์ หาญคีรีรัตน์ เผยแพร่ทาง Facebook และ YouTube ของ THE STANDARD วันที่ 24 มีนาคม
สัมภาษณ์ พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) โดยก่อนหน้านั้นเป็นรองผู้ว่าฯ กทม. ยุคที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เป็นผู้ว่าฯ กทม. หลังจากนั้นได้รับการแต่งตั้งจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้เป็นผู้ว่าฯ กทม. คนล่าสุด ดำรงตำแหน่ง 5 ปี 5 เดือน 5 วัน ก่อนลาออกมาลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ครั้งนี้
ต้องขอบคุณที่ให้เกียรติ THE STANDARD เป็นที่แรก
ที่แรกเลย ยังไม่เคยให้สัมภาษณ์ที่ไหนเลย
ประกาศลาออกอย่างเป็นทางการแล้ว ตอนนี้รู้สึกอย่างไร
คงจะต้องมีงานหนัก ต้องไปพบปะพี่น้องประชาชน ไปชี้แจงทำความเข้าใจ เพราะคงจะมีคำถามว่าทำไมถึงคิดลงสมัคร
แทบจะเป็นคนสุดท้ายที่ประกาศตัว ทำไมจึงตัดสินใจลงสมัครเพื่อเป็นผู้ว่าฯ กทม. อีกรอบ
จริงๆ ลึกๆ ตัดสินใจไว้นานแล้ว แต่ช่วงนี้มีปัญหาโควิดระบาดอยู่ ถ้าวันไหนลาออกก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ไปเลย หน้าที่ในการทำงานหนักจะไปตกอยู่ที่ข้าราชการประจำ เมื่อ กกต. บอกว่าจะประกาศกำหนดวันเลือกตั้งอย่างเป็นทางการก็เลยลาออก
คือทำงานจนถึงวันสุดท้าย
ก่อนวันสุดท้ายหนึ่งวัน เพราะว่าเราก็กังวลปัญหาโควิด คือผมทำเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาโควิดไปเยอะแยะมากเลย จริงๆ ตั้งใจไว้นานแล้วว่าจะลาออก แต่ถ้าลาออก 3-4 เดือนที่แล้ว ปัญหาโควิดโอมิครอนยังระบาดอยู่จะทำอย่างไร
ประกาศลาออกแล้วลงผู้ว่าฯ กทม. มีกลุ่มรักษ์กรุงเทพฯ ยืนยันว่าเป็นอิสระจริง หรือมีพรรคพลังประชารัฐ มีท่านนายกรัฐมนตรีอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า
ไม่มีครับผมยืนยัน ผมยืนยันว่าเราไม่ได้อิงการเมือง กลุ่มรักษ์กรุงเทพฯ เป็นกลุ่มพี่น้องประชาชนทั้งสองฝั่ง เมื่อก่อนเดิมก็เป็นกลุ่มรักษ์คลอง แล้วมาเปลี่ยนเป็นกลุ่มรักษ์กรุงเทพฯ เขาก็รวมตัวกัน มาชวนให้ลงทำงานต่อในสิ่งที่ทำไว้แล้ว เขาเห็นอยู่ว่าทำอะไรไปบ้าง
ผมบอกแล้วใครจะช่วยผมล่ะ หาเสียงผมก็ไม่เป็น ผมไม่ใช่นักการเมือง เขาบอกเขาก็ไม่ใช่นักการเมือง แต่เขาก็จะช่วยสนับสนุน ช่วยเดินหาเสียงให้
มาช่วยประชาสัมพันธ์ แปลว่ากลุ่มรักษ์กรุงเทพฯ จะเป็นผู้สมัคร ส.ก. ของคุณอัศวินด้วยไหม
เป็นบางคน กลุ่มเขามีเยอะมากนะ กลุ่มเขามีหลายพันคน เป็นหมื่นๆ คน แต่เขาสมัครสัก 20-30 คน อะไรทำนองนั้น
ส่งผู้สมัคร ส.ก. ครบ 50 เขตไหม
ตั้งใจจะให้ครบ แต่คิดว่า 40 ขึ้นไป
ก่อนหน้านี้มีข่าว พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา จะลงผู้ว่าฯ กทม. ต่อมาถอนตัว มีคนพุ่งเป้าไปที่คุณอัศวิน ว่าเพราะคุณอัศวินจะลงสมัคร ทำให้จักรทิพย์ถอนตัวหรือไม่ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
ข้อเท็จจริงผมก็สนิทกัน เขาเป็นน้อง เคยทำงานร่วมกันมา เคยหารือ เขาบอกเกษียณแล้วอยากสมัครผู้ว่าฯ กทม. เราบอกก็ดี มาช่วยกันพัฒนาบ้านเมือง หารือกันก็ยินดี แต่ตอนหลังผมก็ไม่ทราบปัญหาส่วนตัวเขามีเรื่องอะไร เขาบอกว่าพี่ครับผมถอนตัวแล้วนะ ถามว่า อ้าว ทำไมอย่างนั้นล่ะ เขาก็บอกเขามีเหตุผล เราก็ไม่อยากจะไปถามเรื่องเหตุผลของเขาว่ามันคืออะไร
เขารู้ใจคุณอัศวินว่าจะลงสมัครหรือเปล่า
ไม่ ตอนแรกคุยกัน เป็นเขานั่นแหละ เพราะเขามาบอกไว้ก่อน
การที่ พล.ต.อ. จักรทิพย์ถอนตัว ไม่เกี่ยวกับคุณอัศวิน
ไม่เกี่ยวๆ สนิทกันอยู่ เดี๋ยวนี้ก็ยังคุยกันอยู่ทุกวัน
คุณสกลธีได้มาคุยกับคุณอัศวินก่อนเขามาลงสมัครไหม ว่าเขาจะลงสมัคร
ผมเคยถาม ทั้งจั้ม (สกลธี) ทั้งแป๊ะ (พล.ต.อ. จักรทิพย์) เขาบอกไม่เอา จั้มไม่เคยบอกว่าจะลง จนกระทั่งเขาไปประกาศกับสื่อว่าเขาจะลงเลือกตั้ง แล้วผมนั่งอยู่ ทำไมไม่มาบอกผม เขามาวันสุดท้าย มาบอกว่าพี่ผมจะลาออก ผมก็บอกขอให้โชคดีน้องเอ๊ย ขอให้ได้เป็นผู้ว่าฯ แล้วมาทำงานต่อ เป็นรองผู้ว่าฯ มา 3-4 ปีแล้ว ถ้าตั้งใจจริง จั้มเป็นก็ดี
วันนี้ต้องมาแข่งกัน
เขาไม่ใช่คู่แข่ง เขาคือน้อง ผมยินดีกับคนที่เป็นน้องทุกคนเลย ทุกคนที่มาสมัครเป็นน้องผมหมด ยกเว้นพี่รสนาคนเดียว แล้วผมยินดีกับทุกคนถ้าใครชนะ ขอยินดี ผมไม่มีอิจฉาตาร้อนใครทั้งนั้น
พอผู้ว่าฯ อัศวินประกาศว่าจะลง มีชาวบ้านบางคนบอก 5 ปีที่ผ่านมาก็นานแล้วนะ ลงอีกแล้วงานที่ผ่านๆ มายังไม่โอเคเหรอ อยากให้โอกาสคนอื่นบ้าง เรื่องนี้คุณอัศวินคิดว่าอย่างไร
เป็นคำถามที่ดี สิ่งที่ผ่านมา 5 ปี 5 เดือนเศษ ชาวบ้านอาจจะมองว่าผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ข้อเท็จจริงปัญหาในกรุงเทพฯ เป็นปัญหาที่ยิบย่อย หยุมหยิม ตั้งแต่เรื่องเล็กจนถึงเรื่องใหญ่ ปัญหาต้องแก้ตลอด ไม่ใช่แก้เรื่องนี้แล้วจบ ทุกเรื่องต้องแก้ไขหมด ที่ผ่านมาเป็นปัญหาที่ยังไม่ถูกสะสาง ผมก็เลยดูว่าในสิ่งที่เราทำไปแล้ว ผมทำไปเยอะมาก แต่ว่าผมเป็นคนพูดน้อย ตั้งแต่ผมเป็นตำรวจ ผมทำคดีมีชื่อเสียง ผมไม่เคยออกไปแถลงข่าว ไม่เคยไปยืนหน้าจอ ว่ากันไปเลย ผมกลับบ้านแล้ว อะไรทำนองนี้ ผมถูกสั่งถูกสอนมาแบบนี้ ทำเสร็จแล้วจบ คุณไปว่ากันเอง คุณจะไปแถลงข่าวไปอะไรก็เหมือนกันกรณีอย่างนี้จนกระทั่งมีคนบางคนพูดถึงผมว่า ทำงานเก่งนะ แต่ถ้าทำประชาสัมพันธ์สอบตกตลอด
ยกตัวอย่างน้ำท่วม ปัญหาสุดคลาสสิกของ กทม. ที่ชาวบ้านก่นด่าผู้ว่าฯ มาโดยตลอด 5 ปีที่ผ่านมา แก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างไร
ฝนตั้งเค้าชาวบ้านก็บ่นแล้วจะท่วมหรือเปล่า ท่วมซ้ำซาก ผมสรุปก่อนว่า ก่อนเข้ามาเป็นผู้ว่าฯ วันที่ 18 ตุลาคม 2559 มีจุดอ่อนไหวน้ำท่วม 24 จุด แต่ปัจจุบันถึงเดือนพฤศจิกายน 2564 ลอยกระทงที่ผ่านมา เหลืออยู่ 9 จุด
มีท่วม แต่ลดลงไป
ลดลงไปเยอะมาก เหลือแค่ 9 จุดจาก 24 จุด เพราะว่าน้ำในกรุงเทพฯ ปัญหามีแค่ 3 น้ำ น้ำเหนือ น้ำหนุน น้ำฝน
ปัญหาใหญ่สุดคือน้ำฝน กรณีตกเยอะไหลลงท่อระบายน้ำไหลลงคลองเพื่อลงเจ้าพระยาสู่อ่าวไทยไหลไม่ทัน จึงคิดว่าจะทำอย่างไร เป็นที่มาของการทำแก้มลิง แก้มลิงธรรมชาติ คือเอาสระน้ำใหญ่ๆ หรือบ่อน้ำใหญ่ๆ เป็นที่เก็บน้ำ
ทำไปป์ แจ็กกิ้ง (Pipe Jacking) เป็นท่อดันน้ำ กว้าง 2 เมตร ลึกลงจากพื้นดิน 4-5 เมตร ทำไป 11 แห่งในช่วงเวลา 4 ปี
เราทำบ่อหน่วงน้ำ หรือ Water Bank เก็บน้ำเวลาฝนตกหนัก พอฝนหยุดก็สูบออกทิ้งไปลงคลองเพื่อลงสู่เจ้าพระยา ที่ทำเสร็จไปแล้วใช้การได้แล้ว 4 ที่ วงเวียนบางเขน, ปากซอยสุทธิพร, ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า และแยกช่วงต่อบางเขน เอาที่สาธารณะของ กทม. มาทำ
จากจุดอ่อนไหว 24 จุด ทำไป 15 จุด ถามว่าทำไมเหลือ 9 จุด ผมก็อยากจะทำให้หมด นี่ไงถึงอยากจะสมัครต่อนี่ไง อยากจะทำให้มันจบ เพราะว่ามันติดด้วยเงื่อนเวลา
งบประมาณไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ แต่เงื่อนเวลา สมมติได้เงินมา 10 บาท จะทำคลองให้มันสะอาด ไม่สามารถเอาเงินไป 10 บาทแล้วพรุ่งนี้ไปทำให้เสร็จเลย ทำไม่ได้ ต้องมีกระบวนการระบบราชการ ต้องไปประมูล E-Bidding ผมยึดถือหลักเลยว่า กฎหมายต้องไม่ผิด ระเบียบต้องไม่ผิด เพราะฉะนั้นผมอยู่มา 5 ปี ไม่มีเรื่องทุจริต ผมไม่เอาเด็ดขาด
บางอย่างที่ผู้สมัครฯ บางท่านหาเสียงไว้ มีคำถามว่าเป็นอำนาจหน้าที่ผู้ว่าฯ กทม. ไหม ทำได้จริงหรือเปล่า หรือติดขัดเรื่องราชการ
บางครั้งสิ่งที่เขาคิดว่าทำได้ มันก็ทำได้แต่ยุ่งยาก อย่างเช่น สายสื่อสาร สายไฟ กำลังทำอยู่และทำไป 200 กว่ากิโลเมตรแล้ว ประสานกับการไฟฟ้า แต่จะไปตัดเองไม่ได้ บางที่เขามีสัมปทาน มีขออนุญาต มีการเช่า บางที่เป็นสายเถื่อนก็มี เราเลือกตัดเองไม่ได้ ต้องค่อยๆ ประสานทำหนังสือถึงการไฟฟ้า ถึง กสทช. ให้ช่วยทำตรงนี้หน่อย
ก็เป็นที่มาที่เราจะเอาสายสื่อสารลงใต้ดิน ต้องแยกกัน สายไฟฟ้าส่วนหนึ่ง กทม. ไม่สามารถจะทำได้ เพราะเราไม่มีความชำนาญเกี่ยวกับเรื่องไฟฟ้า คนที่จะขุดเอาสายไฟลงดินได้คือการไฟฟ้านครหลวง แต่สายสื่อสารเราสามารถทำได้ ทำเป็นตัวอย่างไปแล้ว จะเห็นได้หลายถนนที่ไม่เห็นเสาไฟฟ้า เพราะผมก็อายเขาเหมือนกันที่ดาราฮอลลีวูดมาแล้วไปลงทั่วโลก ถามว่าคนไทยอายไหม คนไทยก็อาย ผู้ว่าฯ กทม. อายไหม เนี่ยตัวต้องอายเลย เพราะเราเป็นเจ้าของพื้นที่ก็อยากจะแก้ไขตรงนี้
หน้าที่ผู้ว่าฯ บางอย่างไม่มีอำนาจไปทำ แต่ต้องประสานให้เกิดขึ้น
สิ่งที่สำคัญที่สุด เรื่องการประสานงานนี่สำคัญ เพราะมีหน่วยข้างเคียงเยอะ สมมติผมก็ต้องประสานกับการไฟฟ้า หรือจะขุดท่ออะไรสักท่อก็ต้องคุยผู้ว่าการประปา ขุดพร้อมๆ กันได้ไหม ประปา ไฟฟ้า ท่อระบายน้ำของ กทม. CAT, TOT ต้องมาคุยกัน ขุดพร้อมกันทีเดียว ไม่ใช่ต่างคนต่างขุดเพราะชาวบ้านจะเดือดร้อน ก็เลยบอกให้ขุดพร้อมๆ กันไปจะได้ทีเดียว
ปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียว กทม. กับ BTS กับ ครม. จะแก้อย่างไร มีโอกาสที่ค่ารถไฟฟ้าจะไม่ถึง 65 บาทหรือไม่ ขั้นตอนเป็นอย่างไร
สรุปคำว่า 65 บาทก่อน ตัวเลข 65 คืออัตราสูงสุด แต่จริงๆ อาจจะ 25-30 บาทแล้วแต่คนขึ้น
65 บาทหมายความว่าตั้งแต่โรงเรียนนายเรือสมุทรปราการไปสุดที่คูคต ทั้งหมด 60 กว่าสถานี แต่ช่วงตรงกลาง 44 บาท ถ้าขึ้นสั้นเหลือ 20-30 บาท Maximum คือ 65 บาท อย่างไรก็ไม่เกิน
แต่ถ้าคิดระยะทางสายสีเขียว 1.23 บาทต่อกิโลเมตร ถูกกว่าทุกสายที่มีอยู่ จะสีอะไรก็แล้วแต่ที่มีอยู่ในไทย 6 สายรถไฟฟ้า
ผมต้องเรียนอย่างนี้ รถไฟฟ้าสายสีเขียวมีอยู่ก่อนที่ผมจะมา แล้วตอนที่ผมเข้ามาเป็นผู้ว่าฯ กทม. ทาง รฟม. กำลังสร้างทางเชื่อมต่อหัวท้ายจากคูคตมาต่อสายเก่า แล้วข้างล่างตั้งแต่แบริ่งไปทางสมุทรปราการ สายเหนือ 16 สถานี สายใต้ 9 สถานี เขาก็ทำกันมาเรียบร้อย แล้วอยู่ดีๆ ก็บอกว่าต่อไปถ้าแยกกันอยู่อย่างนี้ การเสียค่าแรกเข้าอีก 15 บาทประชาชนจะเดือดร้อน ถ้าคิดอย่างที่ผมอธิบายแบบนี้ สมมติขึ้นมาเสียค่าแรกเข้า 15 บาท พอจะไปต่อสำโรงเสียอีก 15 บาท ตลอดเส้นทาง 145 บาท หรือ 154 บาท ชาวบ้านจะทำอย่างไร ก็แย่ ตายแน่นอน
ผมก็เลยต้องมานั่งเจรจาคุยกันว่า ต้องไม่เกิน 65 บาท ไม่ใช่ขึ้นกี่สถานีก็ราคานี้ ถ้าขึ้นไม่กี่สถานีก็อีกราคา
ผู้สมัครบางท่านบอกว่าทำได้ 20 บาทตลอดสาย 30 บาทตลอดสาย จะได้ไม่เกิน 10% ค่าแรงขั้นต่ำ
ผมว่าที่มีอยู่แล้วยังทำไม่ได้เลย สายอื่นทำให้ลดลงมาเท่ากับสายสีเขียวก่อน ก็โอเคแล้วนะราคาต่อกิโลเมตร แล้วผมไม่ได้เป็นคนทำ มันมีอยู่เก่า แล้วที่ทำมาใหม่ รฟม. เป็นคนสร้าง แล้วรัฐบาลบอกให้เอามาเชื่อมเป็นอันเดียวกัน ถามว่าผมอยากได้ไหม ผมไม่ได้อยากได้เลย เขาบอกให้เอามาเพราะพี่น้องประชาชนจะได้ไม่ต้องเสียค่าแรกเข้า
สมมติเข้าคูคต 15 บาท มาเข้าจตุจักรอีก 15 บาท ไปเข้าตรงสำโรงอีก 15 บาท เฉพาะค่าแรกเข้าอย่างเดียว 45 บาท นี่คือปัญหา พอมีปัญหากันผมก็บอกว่าผมเป็นหนี้ BTS อยู่นะ ถ้าถึงตอนนี้ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ผมก็ทำหนังสือถึงรัฐบาล 2-3 ครั้งแล้ว
- ขอเงินรัฐบาล อันนี้เขาลงทุนสร้างเองหมด แต่สายอื่นรัฐบาลออกเงินให้ ไปดูได้ทุกสายอีก 5 สาย ผมบอกเอาเงินมาใช้หนี้ BTS เขา
- ส่วนมาตรา 44 ออกมา จะอนุมัติอย่างไรก็เรื่องของเขา
- เอาคืนไปเลย
นี่ทำไป 3 ครั้งแล้ว สรุปครั้งสุดท้ายก็คาอยู่ ครม. ถามว่าพ้นหน้าที่ผมหรือยัง พ้นไปตั้งนานแล้ว ผมเสนอผ่านกระทรวงมหาดไทย กระทรวงมหาดไทยนำไปเข้าเลขา ครม. เลขา ครม. เอาเข้า ครม. ขณะนี้คาอยู่ที่ ครม.
ผมขอชี้แจงว่า คำว่า 65 บาทเป็นราคาสูงสุด แต่ความจริงอาจจะตั้งแต่ 18 บาทขึ้นไป แต่ไม่เกิน 65 บาท
ต่อสัมปทาน BTS เพื่อแลกหนี้ กทม. ความตั้งใจเป็นอย่างนั้นหรือไม่
สัญญาทั้งหมดแสนกว่าล้านบาทนะ ค่าก่อสร้าง ค่า Infrastructure ค่าระบบอาณัติสัญญาณต่างๆ ทั้งหัวทั้งท้าย ประมาณแสนกว่าล้านบาทรวมดอกเบี้ยด้วย
ถ้าสมมติ ครม. เห็นชอบให้ตามมติมาตรา 44 ออกมา เขารับหนี้ไปทั้งหมดเลยแสนกว่าล้านบาท แล้วที่เหลือแบ่งจ่ายให้ กทม. อีกประมาณ 2 แสนล้านบาท แต่จ่ายเป็นช่วงๆ นะ ถึงปี 2572 ขณะนี้สัญญาก็ยังไม่หมดนะ จะหมดปี 2572 แต่สัญญาจ้างเดินรถที่หัวท้ายถึงปี 2585
นอกจากเขาจะรับหนี้ไปทั้งหมดแสนล้านบาทแล้ว ก็ยังแบ่งให้ กทม. อีกประมาณ 2 แสนกว่าล้านบาท คือเราไม่ได้เสียเปรียบอะไรเลย แต่ก็แล้วแต่ ผมก็บอกแล้วมันไม่ใช่เรื่องสมัยผมทำ มันมีมาก่อน แล้วผมก็ต้องรับภาระมาเพื่อแก้ไขปัญหา เพื่อความสบายสะดวกของพี่น้องประชาชน ผมยืนยันว่าถูกกว่านั้น ย้ำอีกที 65 บาทคือ อัตราสูงสุด แต่มันตั้งแต่ 18 บาทขึ้นไป
ก่อนหน้านี้ คสช. แต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ทำให้ถูกมองว่าแบบนี้ไม่ใช่การเลือกตั้ง แล้วรอบนี้ก็จะมาลงศึกชิงตำแหน่งอีก มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นคนของ คสช. แต่งตั้งมา อยากจะเคลียร์ประเด็นนี้อย่างไร
ตอนผมเป็นรองผู้ว่าฯ กทม. สมัย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เป็นผู้ว่าฯ กทม. บังเอิญท่านถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ก็เหลือรองผู้ว่าฯ 4 คน เขาต้องคัดจาก 4 คน แล้วช่วงนั้น ประเทศไทยสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ คือพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านสวรรคต หลังจากนั้นอีก 3 วันก็มีการตั้งผมเป็นผู้ว่าฯ เพราะว่าจะต้องมาดูแลพี่น้องประชาชนที่มาเคารพสักการะ มากราบพระบรมศพ วันหนึ่งเป็นแสนๆ คน ต้องประสานกับหน่วยข้างเคียงทุกอย่าง ต้องประสานให้ได้อาหารการกินและน้ำดื่ม 1 ปีเต็ม จนกว่าจะถวายพระเพลิงจบ
ก็ต้องยอมรับว่าเขาตั้งผมมา แต่ผมไม่ใช่ผลพวงจาก คสช. ถูกแต่งตั้งมา เราปฏิเสธไม่ได้ แต่เอามาเพื่อแก้ปัญหาตรงนั้น ถ้าการประสานงานไม่ดีงานจะเดินได้ไม่ราบรื่น ผมอยู่สนามหลวงตั้งแต่เช้ายันเร็วสุดคือเที่ยงคืน อยู่ตรงนั้นดูแลประชาชน วันหนึ่งเป็นแสนๆ คน ต้องมาจัดคิว จัดโต๊ะหาที่นั่ง หาพัดลม หาน้ำดื่ม หากาแฟมาให้กิน
จุดเด่นของการจะมาลงผู้ว่าฯ อีกรอบหนึ่ง มีจุดเด่นคือการประสานงานแบบนี้หรือไม่
สิ่งสำคัญ 3 เรื่อง
- เรียนไปแล้วผมเป็นคนพูดน้อย แต่ผมเป็นนักปฏิบัติ นโยบายต่างๆ ที่เขามีกันอยู่ ย้อนหลังไปดูสัก 20-30 ปีมีใครเอามาปฏิบัติบ้าง พูดกันมานานแล้ว น้ำท่วม ฝนตั้งเค้าก็ท่วมแล้ว ถามว่ามีใครทำไหม ผมเนี่ยทำ เอามาสู่การปฏิบัติ
- ผมเป็นนักประสาน ผมประสานกับกระทรวง ทบวง กรม หน่วยงานอะไรที่เกี่ยวข้องอยู่ในกทม. ทั้งหมด ผมประสานได้
- ผมเปิดกว้าง รับฟังความคิดเห็นของสังคม สมมติที่ผมลงสมัครตอนนี้ ผมยืนยันเลยว่าที่เขาเรียกกันว่า คนหนุ่ม คนสาว คนรุ่นใหม่ คนวัยทำงาน ผู้พิการ คนสูงอายุ อะไรต่างๆ ผมจะเอาเขามาร่วมเป็นผู้บริหารหมดเลย คนที่มีทักษะ มีความรู้ความสามารถเป็นคนหนุ่มคนสาวไฟแรง ผมจะเอามาร่วมเป็นผู้บริหาร ครึ่งหนึ่งของจำนวนที่มีอยู่ มาเป็นผู้บริหารกรุงเทพฯ เพราะว่าเขามีความคิดที่ค่อนข้างจะน่าสนใจ ผู้บริหารของเราครึ่งหนึ่งจะมาจากคนรุ่นใหม่
จะดึงคนรุ่นใหม่เข้ามา แล้วทำไม 5 ปีที่ผ่านมาไม่ดึงมาตั้งแต่แรก
ดึงสิ ลูกผมก็คนรุ่นใหม่ จบต่างประเทศ จบออกซ์ฟอร์ด ผมก็เอาเพื่อนๆ เขามาช่วย แต่ไม่ได้ให้ลูกมีตำแหน่ง ไม่มีเงินเดือน ไม่มียศ กินเงินเดือนพ่อแม่
จบจากต่างประเทศมาพร้อมเพื่อนๆ คนรุ่นใหม่ คนอื่นที่ไม่ใช่นามสกุลขวัญเมืองจะมีตำแหน่งหมด แต่ขวัญเมืองพ่อไปตั้งลูกไม่ได้ เขาใช้เงินแม่เขาทั้งนั้น
อีกฐานเสียงสำคัญคือคนรุ่นใหม่ รอบนี้เป็นรอบแรกที่เขาจะได้เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในรอบเกือบ 10 ปี ซึ่งตรงนี้มีอยู่หลายแสนคน ประมาณ 7-8 แสนคน จะหาเสียงหรือเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่างไรให้เขามาเลือก
ยืนยันถ้าผมเป็นผู้ว่าฯ อีกครึ่งหนึ่งจะเป็นคนรุ่นใหม่ ผมเชื่อว่าเขากำลังไฟแรง ความคิดความอ่านมีแนวความคิดที่ดี เราจะเอาคนรุ่นใหม่มาช่วยครึ่งหนึ่ง แล้วก็เอาคนมีประสบการณ์สูงๆ อีกครึ่ง เอามาปนกัน
ผมทำงานเข้ากับคนได้ คนประสบการณ์เยอะก็ได้ นักวิชาการก็ได้ คนรุ่นใหม่ก็ได้ ผมทำงานกับใครก็ได้ที่เห็นว่าเป็นประโยชน์กับสังคม
ผมฝากถึงคนรุ่นใหม่ ผมเป็นคนเปิดกว้าง นอกจากเป็นนักปฏิบัติ นักประสานแล้ว ผมยังเป็นนักเปิดใจ รับฟังความคิดเห็นคนรุ่นใหม่ อันไหนที่ผมรับได้ก็เอามาทำกัน ถ้ารับไม่ได้ก็บอกรออีกนิดเดี๋ยวมาช่วยกัน มาช่วยกันเถอะครับ ผมเชื่อว่าพวกนี้เป็นอนาคตของชาติ อาจจะเป็นผู้นำประเทศในอีก 20-30 ปีข้างหน้า เราอาจจะช่วยประคับประคองเขาไป เขาจะได้ปีกกล้าขาแข็งขึ้น มีประสบการณ์สูงขึ้น อนาคตของชาติอยู่ที่พวกเขา
5 ปีที่ผ่านมา สิ่งที่ยังไม่ได้ทำ หรือทำแล้วแต่ไม่ได้พูด
ผมย้ำเลย ผมนำมาสู่การปฏิบัติ ผมให้ดูย้อนหลังไป 20 ปี มีใครทำบ้างไหม ยกตัวอย่าง คลอง ถ้าใครเคยผ่านสนามหลวงเมื่อก่อน คลองหลอด มีคนอุจจาระปัสสาวะลงคลอง มี 1,277 ครอบครัวอยู่ตรงนั้น ผมใช้เวลาประมาณ 6 เดือนเจรจา หาที่อยู่ให้เขา บอกว่าตรงนี้เป็นกำแพงเมืองชั้นในเลยนะ เป็นคูเมืองพระนครที่ย้ายจากฝั่งธนฯ ตรงนี้เป็นชั้นในสุด ตั้งแต่วังหลวงวัดพระแก้ว วังหน้าสนามหลวง ตอนนี้สะอาดแล้วไปดูได้ ตั้งแต่สะพานผ่านพิภพลีลาไปถึงโรงเรียนราชินีล่าง สะอาดหมดแล้ว
คลองผดุงกรุงเกษม คลองแสนแสบ คลองช่องนนทรี คลองโอ่งอ่างเป็นจุดขายได้
เอาง่ายๆ คลองโอ่งอ่างเมื่อก่อนเป็นสะพานเหล็ก ลูกผม 3 คนผู้ชายหมด เรียนโรงเรียนใกล้ๆ แถวนั้น เรียนแล้วมาวิ่งซื้อของเล่น พอสร้างเสร็จลูกถาม พ่อตรงนี้เป็นคลอง ผมบอกเนี่ยมันเป็นโบราณสถานเลยนะ เดี๋ยวนี้ก็ปรับปรุงทำสวยงาม เราก็ให้พี่น้องประชาชนที่อยู่บริเวณแถวนั้นมาทำมาค้าขาย ฟื้นเศรษฐกิจให้ด้วย ทั้งความสวยงามและเศรษฐกิจ
ล่าสุดเพิ่งเปิดไปเมื่อวันที่ 18 มีนาคม คลองผดุงกรุงเกษม เปิดตลาดนัดที่คลองผดุงฯ เราก็เอาเรือไฟฟ้ามาวิ่ง เป็นแห่งแรกในประเทศไทยที่เอาเรือไฟฟ้ามาวิ่ง มีเรือ 8 ลำ ทำสถานี ทำท่าเรือ ตั้งแต่วัดเทวราชกุญชรถึงหัวลำโพง 11 สถานี ลดมลภาวะทางกลิ่น ทางเสียง ลดภาวะโลกร้อน PM2.5 จุดที่สองเราก็ทำที่วัดศรีบุญเรือง คลองแสนแสบไปถึงเขตมีนบุรี เราก็ทำเป็นแห่งแรก
ภาษีเจริญอีกคลอง ตั้งแต่สมุทรสาครมาถึงแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ยังใช้ดีเซลอยู่นะ เรายังไม่มีเงินไปซื้อเรือแบบนี้ เราไม่ต้องไปขุดคลองใหม่ ถ้าสมมติเราจะทำถนนหนทาง เราจะทำรถไฟฟ้ามันต้องมีการลงทุนเยอะ เรือต้องต่อเรือมาแล้วขุดลอกให้ก็ดีขึ้น แล้วผมตัดถนนให้อีกเยอะนะ
เราจะทำระบบการสัญจรให้เชื่อมกัน ระบบการคมนาคมให้เป็นทางเลือก 3 ทาง ล้อ ราง เรือ เป็นการคมนาคมทางเลือก เป็นการสัญจรทางเลือก ผมพยายามทำ สิ่งที่ผมทำมีเยอะ วันนี้ถือโอกาสระบายกับ THE STANDARD สักที ผมไม่เคยพูดเลย
การเปิดตัวเป็นคนท้ายๆ เวลาที่เหลืออยู่น้อยไปไหมสำหรับการหาเสียง เมื่อเทียบกับคนอื่นที่เปิดตัวมายาวนาน
ผมว่ามันอยู่ที่ความตั้งใจ ความมุ่งมั่น ผมมีความมุ่งมั่นตั้งใจ เมื่อเช้าผมก็บอก ทุกคนเก่งหมดเลย ทำให้พี่น้องประชาชนได้มีทางเลือก ผมก็เป็นหนึ่งในทางเลือกนั้น
ประชาชนก็เลือกเอาจะเลือกใครก็เลือกเอา ใครจะทำได้แค่ไหนผมไม่ทราบเพราะเขายังไม่เคยทำ แต่ผมเนี่ยทำมาแล้ว แล้วก็ทำเป็นถ้าเห็นว่าผมดีก็เลือกผม ถ้าเห็นว่าคนอื่นดีก็เลือกเขาไป ไม่มีปัญหา
ฐานเสียงอาจจะอยู่ในหมวดหมู่เดียวกับ คุณสุชัชวีร์ คุณรสนา คุณสกลธี แล้วจะไปแย่งคะแนนกันเองหรือไม่จากฝั่งนี้
ผมว่าอย่าไปคิดมากขนาดนั้น เอาว่าใครทำอะไรให้ถูกใจสังคม ถูกใจประชาชน ประชาชนก็จะเลือกเอง ประชาชนเขามีหลักการในการคิดการเลือก ผมว่าต้องตามใจประชาชน อยากเลือกใคร รักใครชอบใครก็เลือกคนนั้น ผมว่าประชาชนจะเป็นคนชี้วัดว่าเขาชอบใคร ถ้าดูว่าคนไหนทำงานให้เขาได้เขาก็เลือกคนนั้น นโยบายโก้หรูดูเท่ ถ้าไม่นำมาสู่การปฏิบัติก็จบ
ถ้าต้องดีเบตกับผู้สมัครฯ อื่นๆ กลัวโดนรุมหรือไม่ เพราะเป็นคนเก่าที่อยู่มาอาจจะถูกโจมตี
ของจริงก็คือของจริง มันโกหกหลอกลวงกันไม่ได้ สุดหรูดูเท่แต่มันกินไม่ได้เยอะแยะไป
ของผมสัมผัสได้ เกาได้ คันได้ ทุกอย่างจับต้องได้ เห็นได้ ผมไม่ได้พูดลอยกลางอากาศ หันไปดูเรื่องรถไฟฟ้า ผมเป็นคนทำแห่งแรกในประเทศไทย เรื่องคูคลองผมก็เป็นคนทำ เขาบอกเป็นตำนานเอาออกไม่ได้ที่คลองหลอด ทำไมผมทำได้
สะพานที่จะข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาโมโนเรล เขาบอกทำไม่ได้ ค้างมาตั้งแต่สมัยป๋าเปรม ผมทำได้ พี่น้องประชาชนลองไปดู สิ่งที่เขาพูดกันแล้วไปปฏิบัติได้จริงไหม แต่อัศวิน ปฏิบัติได้จริง
ถ้ารอบนี้ไม่ได้รับเลือกตั้ง อนาคตทางการเมืองจะเป็นอย่างไร
ไม่มี ไม่เอา ไม่เป็น ส.ส. จริงๆ ผมเป็นเด็กต่างจังหวัด เป็นเด็กบ้านนอก เข้ามาเรียนหนังสือตั้งแต่มัธยมศึกษา เห็นกรุงเทพฯ มาตั้งแต่เด็ก เหมือนเป็นคนกรุงเทพฯ ไปแล้ว ลูกหลานมาเรียนในกรุงเทพฯ หางานทำ มาตามหาอนาคต ต้องมาเรียนหนังสือหนังหา เด็กบ้านนอก พ่อแม่บอกว่าไปคว้าหาดวงดาว เราก็ตั้งใจมาเรียนหนังสือเพื่อจะหางานทำให้มีอาชีพ เลยกลายเป็นคนกรุงเทพฯ ไปแล้ว ผมอยู่กรุงเทพฯ มา ผมเห็น ผมอยากจะให้กรุงเทพฯ สวยย้อนหลังไปเมื่อหลายปีก่อน น้ำใสสะอาดรถยังไม่เยอะมาก จึงเป็นที่มาของการทำการจราจรหรือคมนาคมทางเลือก รถเยอะเห็นรถติดก็เวียนหัวแล้ว
ผมเป็นตำรวจเก่า เป็นผู้บัญชาการนครบาล เป็นผู้การกองปราบ สัมผัสกับพวกนี้มาเยอะ จุดบอดของผมจุดเดียว ผมทำแล้วไม่ค่อยพูด แค่นั้น วันนี้ถึงมาระบายให้ THE STANDARD ฟัง
สโลแกน กรุงเทพฯ ชีวิตดีๆ ที่ลงตัว แต่ทุกคนเอาไปล้อเวลาเจออะไรแย่ๆ ในฐานะอดีตผู้ว่าฯ รู้สึกอย่างไร
ผมอาย อย่างที่ผมเล่าที่ฝรั่งเอาไปลงแล้วกระจายไปทั้งโลก ผมไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์ฝรั่งหรอก อ่านไม่เป็น มีคนเล่าให้ฟัง
มันเจ็บอก เราในฐานะพ่อเมืองกรุงเทพฯ เราก็อายเขา แต่ว่าสิ่งดีๆ ตรงนั้นผมเชื่อว่าขณะนี้มันคืนมาได้เป็นบางส่วนแล้วนะ สมมติว่ามันมีอยู่ 10 ขั้นตอน ผมทำมาถึง 5 ปี แล้ว จะต่อ 6 7 8 9 10 ไปได้เลย ผมไม่ต้องมานับหนึ่งใหม่กับใครเลยนะ
ใครมาก็ต้องไปนับหนึ่งใหม่ เขียนนโยบายใหม่ คนที่เขียนนโยบายสวยๆ เดี๋ยวผมเอามาใช้ได้ ความคิดเขาดี นโยบายเขาดี เขาไม่ได้จดลิขสิทธิ์ ผมก็เอามาใช้ได้ เพราะเป็นการช่วยบ้านช่วยเมือง ผมนำมาสู่การปฏิบัติ
วันนี้เรียกคุณอัศวินว่าเป็นนักการเมืองได้หรือยัง
ผมว่ามันตกกระไดพลอยโจน เรียกได้แล้วละ แต่ผมยังไม่เคยเป็นสมาชิกพรรคการเมืองเลยสักครั้งเดียว ในชีวิตยังไม่เคยเป็นสมาชิกพรรคการเมืองเลย
ตอนเด็กๆ เคยคิดเป็นนักการเมืองไหม
โถ มาเรียนหนังสือ มีงานทำก็ดีใจตายแล้ว ตอนเด็กๆ ขึ้นรถ นั่งเรือเมล์ นอนทั้งวันทั้งคืนตั้งแต่สุพรรณ ชัยนาถ มาขึ้นที่งิ้วราย นครชัยศรี 22 ชั่วโมง แล้วขึ้นรถไฟมาลงศาลาน้ำร้อนข้างศิริราชอีกชั่วโมง
ผมเดินทางจากบ้านมาถึงวงเวียนใหญ่ประมาณ 23 ชั่วโมง คิดดู
ไม่เคยคิดเป็นนักการเมือง ผมว่ามันเป็นเรื่องชะตาฟ้าลิขิต
ไหนๆ ก็ตกกระไดพลอยโจนมาแล้ว กำลังจะลงผู้ว่าฯ อีก 1 สมัย
ถ้าผมมีหน้าที่อะไรผมจะต้องทำให้มันดีที่สุด ผมไม่อยากจะให้ชื่อเสียงหมดไปกับเรื่องนี้ ตั้งใจทำก็ต้องทำให้มันดี ถ้าทำได้ไม่ดีก็อย่าไปทำมันเลย
คำถามอีกดราม่า เอาภาษีมาโปรโมตตัวเองหรือไม่
ไม่ใช่ เราต้องการให้ประชาชนเห็น บางทีเขาอึดอัดใช่ไหม อย่างคุณหมอกระต่าย ประสบอุบัติเหตุขณะเดินข้ามทางม้าลาย ทางม้าลายเราก็พยายามขีดสีตีเส้น ผมต้องการให้ประชาชนรู้ว่ากรุงเทพฯ เปลี่ยนไปแล้ว ทำไปแล้ว เพราะมีนักการเมืองบอกกรุงเทพฯ จะต้องเปลี่ยน ผมก็เลยบอกว่ามันเปลี่ยนไปแล้ว ไม่เชื่อไปดูสิ คลองผมก็ทำไปแล้วแต่มันยังไม่หมด คลองในกรุงเทพฯ ทั้งหมดมี 1,682 คลอง เขาถึงเรียกเวนิสตะวันออก
ลงสมัครฯ เพื่อเป็นผู้ว่าฯ อีกสมัย มีอะไรอยากจะบอกคน กทม.
พี่น้องประชาชนโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ เชิญมาช่วยกัน อนาคตของชาติอยู่ที่พวกท่าน คนที่บริหารมาเยอะมีประสบการณ์จะได้ช่วยกันบอกแนะนำ ท่านจะเอานวัตกรรมความคิดใหม่ๆ มาช่วยกัน ช่วยบ้านเมือง ช่วย กทม. ให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ ที่น่าท่องเที่ยวที่สุดในโลกมา 3 ปีซ้อนแล้ว เชิญทุกคนมาช่วยกันคิด ช่วยกันทำ บอกได้ ทำได้ ถ้าชอบใจก็เลือกอัศวิน ขอบคุณครับ