เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรมเนื่องในวันอาสาฬหบูชา อังคารที่ 1 สิงหาคม 2566 ความว่า
ดิถีอาสาฬหบูชาได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่งแล้ว ควรที่พุทธบริษัทจะได้บำเพ็ญกุศลเป็นพิเศษ เพื่อรำลึกถึงวันที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธัมมจักกัปปวัตตนสูตรโปรดปัญจวัคคีย์ เริ่มประกาศพระศาสนา กระทั่งบังเกิดมีพระอริยสงฆ์ครบถ้วนพร้อมเป็น ‘พระรัตนตรัย’ อันเป็นสรณะสูงสุดในพระพุทธศาสนา
พระมหากรุณาคุณของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทอดพระเนตร ตระหนักเห็นความทุกข์ในสังสารวัฏของสรรพสัตว์นั้นใหญ่หลวงนัก หาใช่เพียงเฉพาะในพระชาติสุดท้ายที่เสด็จอุบัติมาเป็นพระโพธิสัตว์เจ้าชายสิทธัตถะ หากแต่สั่งสมมาเนิ่นนานถึงสี่อสงไขยแสนกัป ทรงตั้งพระหฤทัยบำเพ็ญเพียรเพื่อจะได้ทรงรื้อขนสรรพชีวิตให้ล่วงพ้นจากทุกข์ได้อย่างถาวร ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรมที่ตรัสรู้ เราทั้งหลายผู้เป็นพุทธบริษัทจึงพึงสืบอายุพระพุทธศาสนาไว้ให้ยั่งยืนนาน ด้วยการ ‘ศึกษา’ และ ‘ปฏิบัติ’ ตามพระธรรมวินัย
ทั้งนี้ การทำหน้าที่พิทักษ์รักษาพระพุทธศาสนาต้องเริ่มที่การสร้างสรรค์ตนเองให้เป็นพระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ที่มีคุณภาพตามพระพุทธประสงค์ให้ได้ก่อนเป็นเบื้องต้น ถ้าบรรพชิตบวชแล้วไม่เข้าใจและไม่ประพฤติปฏิบัติตามพระวินัย อีกทั้งถ้าพุทธศาสนิกชนอ้างตนเป็นชาวพุทธ แต่ไม่ศึกษาเรียนรู้พระธรรมให้เข้าใจกระจ่าง ก็ย่อมปฏิบัติผิด หลงผิด ทำให้พระพุทธศาสนาก็ไม่อาจดำรงอยู่ได้นาน
วันอาสาฬหบูชานอกจากจะเตือนใจให้รำลึกถึงคุณพระรัตนตรัย อันเป็นสรณะสูงสุดของพุทธบริษัทแล้ว ยังนำพาให้เราทั้งหลายมั่นคงแน่วแน่ด้วยอธิษฐานจิตตั้งมั่นในอันที่จะพิทักษ์รักษาพระพุทธศาสนา ด้วยการศึกษาพระปริยัติธรรมให้เข้าถึงการปฏิบัติธรรมอย่างถูกต้องตรงทางอริยมรรค เพื่อให้ได้ชื่อว่า ท่านกำลังเจริญรอยตามพระยุคลบาทของพระพุทธองค์ในการช่วยกันสืบอายุพระพุทธศาสนา แล้วจงประคับประคองจิตใจให้อาจหาญร่าเริง เบิกบานด้วยกุศลฉันทะ พร้อมกระทำคุณประโยชน์ ด้วยการพลีสรรพกำลัง เกื้อกูลให้เพื่อนร่วมชาติ ร่วมสังคม สามารถก้าวพ้นจากทุกข์ภัย นำมาซึ่งสันติสุขร่วมกันของสรรพชีวิตบนโลกนี้สืบไปตลอดกาลนานเทอญ