ในระหว่างที่การแข่งขันฟุตบอลลีกยุโรปยังคงดำเนินต่อไปอย่างเร่งรีบเพื่อให้สามารถปิดฉากการแข่งขันได้ตามกำหนดการเดิม เพื่อลดโอกาสจะต้องตกอยู่ในความเสี่ยงของการระบาดระลอกที่สองของโควิด-19 วานนี้ (29 มิถุนายน) ได้มีข่าวการย้ายทีมที่น่าแปลกใจเกิดขึ้น
ข่าวดังกล่าวเป็นการย้ายสลับขั้วในแบบที่ไม่ค่อยได้เห็นกันบ่อยนักในระยะหลัง โดยบาร์ซาได้ปล่อยตัว อาร์ตูร์ แมลู มิดฟิลด์จอมเทคนิคอนาคตไกลให้กับยูเวนตุส ด้วยสนนราคา 72 ล้านยูโร โดยซื้อตัว มิราเลม เปยานิช กองกลางห้องเครื่องชาวบอสเนียเข้ามาเป็นการทดแทนด้วยราคา 60 ล้านยูโร
แถลงการณ์จากบาร์ซาระบุว่า “บาร์เซโลนาและยูเวนตุสได้บรรลุข้อตกลงในการย้ายทีมของอาร์ตูร์ โดยสโมสรจากอิตาลีจะจ่ายเงินค่าตัว 72 ล้านยูโร และอีก 10 ล้านยูโรตามเงื่อนไขต่างๆ ผู้เล่นจะอยู่กับบาร์เซโลนาไปจนกว่าจะจบฤดูกาล 2019-20”
อย่างไรก็ดี ดีลนี้เป็นดีลที่แปลกจนผิดสังเกตว่ามีเหตุผลอะไรที่บาร์ซาและยูเวจะต้องทำแบบนี้ในเวลาเช่นนี้ด้วย
อาร์ตูร์เดินทางไปเซ็นสัญญากับยูเวนตุสเรียบร้อย ไม่ต้องลุ้น
ภาพ: @JuventusFC
ทำไมบาร์ซาต้องรีบขายอาร์ตูร์
ถึงแม้จะประสบปัญหาอาการบาดเจ็บรังควาน แต่อดีตกองกลางที่บาร์ซาไปกระชากตัวมาจากเกรมิโอรายนี้ก็เป็นหนึ่งในนักเตะที่มีอนาคตไกลน่าจับตามองมากที่สุดคนหนึ่ง
และหากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดขึ้น อาร์ตูร์เป็นกองกลางที่มีคุณสมบัติและสไตล์การเล่นที่ชวนให้คิดถึง ชาบี เอร์นานเดซ กองกลางจอมทัพในตำนานของสโมสร ซึ่งแม้จะผ่านมาหลายปีแล้ว แต่บาร์ซายังไม่เคยหาใครที่จะขึ้นมาทดแทนได้เลย
อย่างไรก็ดี ปัญหาอยู่ที่บาร์ซาในเวลานี้ประสบปัญหาทางการเงินอย่างรุนแรง พวกเขาต้องการเงินสดเข้ามาในบัญชีของสโมสร ซึ่งเป็นจังหวะดีที่ทางด้านยูเวเองก็พร้อมจะคว้าตัวไปร่วมทีมด้วยเช่นกัน
การเจรจาระหว่างทั้งสองสโมสรนั้นเชื่อกันว่าเกิดขึ้นและตกลงกันได้มาหลายเดือนแล้ว แต่ที่การย้ายทีมไม่เกิดขึ้นเป็นเพราะอาร์ตูร์เองไม่ต้องการจะไปจากบาร์ซาและต้องการจะสู้ต่อในสโมสร ด้วยมั่นใจว่าเขาจะสามารถกลับมาเป็นตัวหลักของทีมได้อย่างแน่นอน
เพราะนักเตะอีกรายที่บาร์ซาต้องการปล่อยตัวอย่าง อีวาน ราคิติช เองก็แข็งข้อปฏิเสธที่จะย้ายทีม แม้ว่าจะต้องเป็นแพะรับบาปในความล้มเหลวของสโมสร
แต่สุดท้ายแล้วอาร์ตูร์ก็จำใจต้องไปจากบาร์ซา ซึ่งต้องขายกองกลางอนาคตไกลออกไปด้วยความจำเป็น
แม้ว่าจะได้กองกลางที่เก่งที่สุดคนหนึ่งของยุโรปมาเป็นการทดแทนก็ตาม
LATEST NEWS | Agreement with @juventusfcen for the transfer of @Miralem_Pjanic
👋 Welcome!
💙❤️ #PjanicCuler— FC Barcelona (@FCBarcelona) June 29, 2020
บาร์ซาประกาศคว้าตัวเปยานิชมาร่วมทีม
ทำไมยูเวจึงยินดีที่จะปล่อยเปยานิชให้บาร์ซา
ไม่มีใครสงสัยในฝีเท้าของเปยานิช ผลงานในการบงการเกมแดนกลางของเขาตั้งแต่โรมาจนมาถึงยูเวนตุสนั้นเป็นที่เลื่องลืออย่างมาก ด้วยเทคนิคการเล่นชั้นสูง การอ่านเกมที่เฉียบขาด และยังเป็นเจ้าพ่อลูกนิ่งคนหนึ่งของวงการ
เพียงแต่ด้วยวัยที่ล่วงเข้า 30 ปี ซึ่งเป็นขาลงของอาชีพนักฟุตบอล และฟอร์มการเล่นของเปยานิชเองในฤดูกาลนี้ก็ไม่ได้โดดเด่นเหมือนที่ผ่านมา ทำให้การปล่อยตัวเขาออกไปเพื่อแลกกับการได้นักเตะอนาคตไกลที่หนุ่มกว่าถึง 7 ปี โดยจ่ายเงินส่วนต่างเพียงแค่ 10 ล้านยูโรจึงเป็นข้อตกลงที่ฟังดูดีไม่น้อย
และเมื่อคิดถึงค่าตัว 32 ล้านยูโรที่ยูเวจ่ายให้กับโรมาเพื่อคว้าตัวเขามาร่วมทีมเมื่อ 4 ปีก่อน การขายนักเตะที่กำลังเข้าหลักสามโดยได้กำไรเพิ่มจากเดิมเป็นเท่าตัวถือว่าเยี่ยม
บาร์ซาถังแตกจริงหรือไม่
บาร์ซากำลังถังแตกเป็นเรื่องจริง แม้ว่าพวกเขาจะเป็นหนึ่งในสโมสรที่ทำรายได้สูงสุดของโลก มีทีมที่เต็มไปด้วยซูเปอร์สตาร์มากมาย และมีหนึ่งในนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดตลอดกาลอย่าง ลิโอเนล เมสซี แต่ในสโมสรกลับเต็มไปด้วยปัญหาซึ่งเกิดจากการบริหารงานที่ผิดพลาด
สิ่งที่เป็นปัญหาใหญ่ของบาร์ซาคือการที่พวกเขาต้องจ่ายเงินค่าเหนื่อยให้แก่ผู้เล่นมากมายมหาศาล ลำพังแค่เมสซีคนเดียวก็มีรายรับในระดับครึ่งล้านยูโรทุกสัปดาห์ ไหนจะมีสตาร์ที่มีอายุมากอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ, อีวาน ราคิติช, เซร์คิโอ บุสเกตส์, เคราร์ด ปิเก้ และอาร์ตูโร บิดัล
รายจ่ายค่าเหนื่อยของนักเตะเหล่านี้รวมกับทั้งทีมแล้วเทียบเป็น 80% ของรายได้สโมสรทั้งหมด หรือพูดง่ายๆ คือทีมหาเงินมาได้ 100 บาทก็ต้องจ่าย 80 บาทให้นักฟุตบอล ซึ่งเป็นสัดส่วนที่เกินจากจุดที่มีการคำนวณเอาไว้ว่าเหมาะสมที่ 50% ไปมาก
บาร์ซายังใช้จ่ายเงินอย่างล้มเหลวในการซื้อสตาร์ โดยทุน 200 ล้านปอนด์ที่ได้จากการขายเนย์มาร์ซึ่งเป็น ‘เงินสด’ นั้นถูกนำไปใช้จ่ายคว้าตัว อุสมาน เดมเบเล, ฟิลิปเป คูตินโญ และอีกมากมาย รวมถึง อองตวน กรีซมันน์
ความขัดสนของพวกเขาทำให้กองหน้าที่ถูกดึงตัวมาเพื่อเสริมทัพในช่วงต้นปีที่ผ่านมาคือ มาร์ติน เบรธเวต ดาวยิงชาวเดนมาร์ก ที่ก่อนหน้านี้ไม่นานยังเล่นกับมิดเดิลสโบรห์ในลีกรองของอังกฤษอยู่เลย ซึ่งไม่ใช่นักเตะในระดับของบาร์ซาอย่างแน่นอน
เงินค่าตัวของอาร์ตูร์จะแก้ปัญหาทุกอย่าง?
เงินแค่ 70 ล้านยูโรที่หากหักค่าตัวที่ต้องจ่ายให้กับยูเวแล้วจะได้ส่วนต่างแค่ 10 ล้านยูโร ไม่สามารถจะช่วยอะไรได้มากนัก
อย่างมากก็แค่ต่อลมหายใจไปได้ชั่วระยะเวลาหนึ่งแค่นั้น
สิ่งที่บาร์ซาจำเป็นต้องทำต่อเพื่อจะกลับมาแข็งแรงให้ได้คือการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ โดยเฉพาะในส่วนของการลดรายจ่ายนั้นสำคัญ เพราะตลอดปีนับจากนี้ไม่มีใครรู้ว่าโควิด-19 จะจบเมื่อไร นั่นหมายถึงบาร์ซาจะขาดรายได้จากค่าบัตรผ่านประตูเข้าชมเกมที่คัมป์นู รวมถึงรายได้ส่วนของการจำหน่ายสินค้าที่ระลึก ค่าทัวร์สนาม ค่าเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ และยังไม่รู้ว่าสปอนเซอร์ที่มีอยู่จะสามารถจ่ายเงินให้แก่พวกเขาได้ตามที่ตกลงกันหรือไม่
การปลดระวางนักเตะสตาร์อายุมาก เติมสายเลือดใหม่เข้ามา จึงเป็นสิ่งที่พวกเขา ‘ต้องทำ’
เพียงแต่ด้วยสถานการณ์ยามนี้ไม่ง่ายเลย เมื่อศึกชิงอำนาจภายในสโมสรยังระอุ ขณะที่โค้ชอย่าง กีเก้ เซเตียน เองกำลังตกเป็นข่าวว่าถูกลูกทีมต่อต้านอย่างหนักจนถึงขั้นที่อาจจะโดนปลดในเร็วๆ นี้
บาร์ซากำลังอยู่ในวิกฤตที่ยิ่งใหญ่ และการส่งตัวอาร์ตูร์เพื่อแลกกับเปยานิชนั้นเป็นเพียงแค่ยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น