สโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล ถูกสังคมตั้งคำถามถึงความเหมาะสมกับการขยายสัญญาสปอนเซอร์ของสโมสร ‘Visit Rwanda’ จากการท่องเที่ยวรวันดา ประเทศซึ่งถูกโจมตีเกี่ยวกับเรื่องปัญหาสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง
ข้อตกลงในการขยายระยะเวลาสัญญาความร่วมมือระหว่างการท่องเที่ยวรวันดากับอาร์เซนอลเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยทีม ‘กันเนอร์ส’ จะได้รับเงินจำนวนปีละ 10 ล้านปอนด์จากประเทศที่ยากจนที่สุดแห่งหนึ่งของโลกที่มี GDP ต่อหัวประชากรไม่ถึง 900 ดอลลาร์สหรัฐ แลกกับการติดโลโก้ Visit Rwanda ที่แขนเสื้อ และรอบสนามเอมิเรตส์สเตเดียม
สิ่งที่กลายเป็นปัญหาใหญ่นอกจากเรื่องฐานะประเทศของรวันดาที่ยากจน แต่กลับจ่ายเงินมหาศาลเพื่อเป็นสปอนเซอร์ให้แก่สโมสรฟุตบอลคือปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่รุนแรง โดยกลุ่มผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ พอล คากาเม ประธานาธิบดีอย่างรุนแรงได้ถูกฆาตกรรมหรือทำให้สาบสูญ ซึ่งเรื่องนี้ทำให้สโมสรดังจากลอนดอนถูกตั้งคำถามถึงความเหมาะสมที่รับสปอนเซอร์จากรวันดาทันที
โดยกลุ่มแฟนอาร์เซนอลในนาม Arsenal Supporters’ Trust ตำหนิสโมสรเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าได้ “สูญเสียหลักทางจริยธรรมเพียงเพราะต้องการหารายได้ให้มากที่สุด” ขณะที่สโมสรกล่าวว่า การรับสปอนเซอร์จากรวันดาเป็นความพยายามช่วยเหลือในการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของรวันดาเอง
ขณะที่ทางการรวันดายืนยันว่า เงินที่จ่ายไปนั้นได้ผลตอบแทนกลับมาคือรายได้จากภาคการท่องเที่ยว อย่างไรก็ดี มีฝ่ายที่จับตามองว่าการสนับสนุนให้แก่อาร์เซนอล รวมถึงการสนับสนุนทางกีฬาอื่นๆ ภายใต้ชื่อ Visit Rwanda เป็นการ ‘ฟอกขาว’ ประเทศในลักษณะเดียวกับซาอุดีอาระเบียหรือไม่
หนึ่งในเสียงสะท้อนที่กังวานคือบุตรสาวของ พอล รูเซซาบากินา วีรบุรุษตัวจริงที่ช่วยชีวิตชาวรวันดากว่า 1,000 คนในเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เมื่อปี 1994 ที่มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 800,000 คน และกลายเป็นแรงบันดาลใจในภาพยนตร์เรื่อง Hotel Rwanda ได้วิงวอนขอให้อาร์เซนอลปฏิเสธที่จะรับเงินจากรัฐบาลรวันดา หลังจากที่ พอล รูเซซาบากินา ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานก่อการร้ายเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาอย่างไม่เป็นธรรม และควรเรียกร้องให้มีการปล่อยตัววีรบุรุษของชาวรวันดาทันที
อ้างอิง:
