×

‘ปืนใหญ่ในเขาวงกต’ อาร์เซนอลกับวิกฤตที่ย้อนกลับมาเร็วกว่าที่คิด

10.12.2020
  • LOADING...
‘ปืนใหญ่ในเขาวงกต’ อาร์เซนอลกับวิกฤตที่ย้อนกลับมาเร็วกว่าที่คิด

HIGHLIGHTS

4 mins. read
  • อาร์เซนอลภายใต้การนำของ มิเกล อาร์เตตา เผชิญหน้ากับความกดดันอย่างหนักจากผลงานที่ตกต่ำอย่างน่าใจหาย โดยเวลานี้อยู่อันดับที่ 15 ในพรีเมียร์ลีก
  • สไตล์การเล่นที่แท้จริงของกันเนอร์สคือสไตล์ไหนกันแน่ เป็นคำถามที่อาร์เตตาต้องพยายามค้นหาคำตอบให้ได้โดยเร็วที่สุด เพราะชัดเจนแล้วว่าสิ่งที่พยายามทำตลอด 1 ปีที่ผ่านมาอาจไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง

ชัยชนะเหนือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก่อนจะพิชิตเชลซีในนัดชิงชนะเลิศเอฟเอคัพ ต่อด้วยการต่อกรกับลิเวอร์พูลในรายการเอฟเอ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ได้อย่างถึงพริกถึงขิง ก่อนจะเฉือนเอาชนะในการดวลจุดโทษคว้าโล่การกุศล ได้ทำให้ ‘ปืนใหญ่’ อาร์เซนอลของ มิเกล อาร์เตตา ดูมีอนาคตที่สดใสอย่างยิ่ง

 

ไม่นับการปรับทัพเสริมทีมที่ดูโอเคกว่าหลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการดึง วิลเลียน ปีกจอมกระชากชาวบราซิลที่หมดสัญญากับเชลซีมาแบบฟรีๆ, กาเบรียล มาร์กัลเญส ปราการหลังอนาคตไกลชาวบราซิลเช่นกันที่ทุ่มซื้อจากลีลล์มาด้วยค่าตัว 23 ล้านปอนด์, การรั้ง ดานี เซบายอส ในสัญญายืมตัวจากเรอัล มาดริด ต่ออีกหนึ่งฤดูกาล

 

และความสำเร็จที่สุดคือการคว้าตัว โธมัส ปาร์เตย์ กองกลางที่ถูกมองว่าเป็นคีย์แมนในแดนกลางที่อาร์เตตาต้องการ ซึ่งกระชากตัวมาจากแอตเลติโก มาดริด ได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปด รวมถึงการต่อสัญญากับ ปิแอร์ เอเมอริค-โอบาเมยอง ดาวยิงอันดับหนึ่งของทีมที่เคยลังเลกับอนาคตของทีม แต่กลับเปลี่ยนใจอยู่ในถิ่นเอมิเรตส์​สเตเดียมต่อไป เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าอาร์เซนอลกำลังก้าวเดินอย่างถูกทางอีกครั้งไม่ว่าจะเป็นเรื่องในหรือนอกสนาม

 

แต่ความจริงที่โหดร้ายคือเมื่อผ่านพ้นช่วงน้ำผึ้งพระจันทร์ไป อาร์เซนอลที่เริ่มต้นฤดูกาลได้อย่างสวยงามพอสมควรเริ่มประสบปัญหาหนักขึ้นเรื่อยๆ

 

นับตั้งแต่ชัยชนะเหนือเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ในวันที่ 4 ตุลาคมเป็นต้นมา ในพรีเมียร์ลีก พวกเขาชนะอีกเพียงแค่เกมเดียวเท่านั้นใน 7 นัด แม้จะเป็นชัยชนะที่ดีในการบุกไปเอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ถึงโอลด์แทรฟฟอร์ด มีเสมอ 1 นัดในการไปเยือนลีดส์ ยูไนเต็ด นอกนั้นเป็นการแพ้ทั้งหมดต่อแมนเชสเตอร์ ซิตี้, เลสเตอร์ ซิตี้, แอสตัน วิลลา, วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 

 

ล่าสุดคือเกมที่กลายเป็นสัญญาณเตือนภัย เมื่อพวกเขาพ่ายต่อคู่แค้นร่วมลอนดอนเหนืออย่างท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ทีมที่เดินสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง เพราะ ‘ไก่เดือยทอง’ ของ โชเซ มูรินโญ ขึ้นนำจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกในเวลานี้ ขณะที่อาร์เซนอลจมอยู่ในอันดับที่ 15 

 

ถึงแม้ผลงานในฟุตบอลถ้วยจะพอไปวัดไปวาได้ แต่เมื่อผลงานในรายการที่มีความคาดหวังสูงอย่างพรีเมียร์ลีกนอกจากจะไม่ดีอย่างที่คาดยังแย่กว่าที่คิด ทำให้เริ่มเกิดคำถามกับการทำงานของอาร์เตตา กุนซือคนหนุ่มไฟแรง ว่าตกลงแล้วเขาพาทีมเดินไปข้างหน้าได้จริงจากยุคของ อูไน เอเมรี เหมือนที่รู้สึกในช่วงแรก

 

หรือสุดท้ายกันเนอร์สก็แค่เดินวนกลับมาที่เดิมโดยยังหาเส้นทางที่ถูกต้องไม่พบ?

 

ปัญหาของทีมที่เหมือนจะถูกแก้ไขได้แล้วกลับมาเป็นปัญหาใหม่ โดยเฉพาะในเรื่องสไตล์การเล่นของทีมที่กลายเป็นคำถามสำคัญที่สุดในเวลานี้ว่าอาร์เซนอลนั้นจะเล่นฟุตบอลในแบบไหนกันแน่ 

 

สิ่งที่น่าสนใจคือหากมองในเรื่องของสถิติตัวเลขแล้ว อาร์เซนอลเป็นทีมที่มีสถิติตัวเลขที่สูง ในเกมกับสเปอร์ส พวกเขาเป็นฝ่ายที่ครองบอลได้มากกว่า และมีโอกาสในการเข้าทำด้วยการครอสบอลเข้าไปถึง 44 ครั้ง!

 

จำนวน 44 ครั้งนั้นเป็นสถิติการครอสบอลหรือการเปิดบอลจากริมเส้นเข้าเขตโทษที่สูงที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ และย้อนกลับไปในเกมก่อนหน้ากับวูล์ฟส์ กันเนอร์สก็มีการครอสบอลมากถึง 35 ครั้ง

 

เพียงแต่การครอสบอลจำนวนมากนั้นไม่ได้มีความหมายว่าเกมรุกของพวกเขาดีหรืออันตรายแต่อย่างใด เพราะอาร์เซนอลไม่ได้มีศูนย์หน้าที่เป็นเจ้าเวหาเหมือนอย่างเอฟเวอร์ตันที่มี โดมินิก คัลเวิร์ต-เลวิน หรือนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ที่มี แอนดี้ แคร์โรล

 

แม้ว่าโอบาเมยองจะเป็นยอดศูนย์หน้าที่ครบเครื่อง แต่ความถนัดของเขาไม่ใช่ลูกโหม่ง ขณะที่ อเล็กซองเดร ลากาแซตต์ แม้จะเป็นกองหน้าในแบบหมายเลข 9 แต่ก็ไม่สามารถจะทำประตูเป็นกอบเป็นกำจากลูกกลางอากาศ

 

เมื่อมองในค่าสถิติ Expected Goal หรือ xG ในเกมกับสเปอร์สนั้น อาร์เซนอลมีโอกาสยิง 11 ครั้งด้วยกัน แต่ค่า xG อยู่ที่ 0.62 ซึ่งตีความได้ว่าโอกาสที่มีนั้นไม่ใช่โอกาสที่มีคุณภาพสูงที่จะได้ประตู (High-quality Chance) 

 

และหากจะตีความในภาพใหญ่คืออาร์เซนอลมีปัญหาชัดเจนในเรื่องของการเข้าทำ การเซ็ตเกมรุกที่เหมือนจะทำได้ดี แต่พวกเขาจะเล่นได้ดีที่สุดจริงๆ ต่อเมื่อพบกับคู่แข่งที่เหนือกว่า คู่แข่งที่เปิดหน้าแลก มีพื้นที่ให้เล่นงานจู่โจม

 

ในชัยชนะเหนือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เชลซี หรือลิเวอร์พูล ในย่อหน้าแรกของบทความนั้น อาร์เซนอลสยบทีมเหล่านี้ได้ด้วยการแก้เกมเพรสซิ่ง การเปลี่ยนจังหวะการเล่นที่รวดเร็ว การเปิดบอลไปยังตำแหน่งที่ซักซ้อมเอาไว้อย่างแม่นยำ (เช่น บอลทแยงมุมจากขวาไปมุมซ้ายให้กองหน้า) และอาศัยความสามารถเฉพาะตัวของโอบาเมยองในการจบสกอร์

 

แต่แนวทางนี้ไม่ได้ผลอีกแล้ว เพราะเมื่อทีมใหญ่เหล่านี้จับทางได้ก็สามารถใช้ความสามารถและทีมเวิร์กที่เหนือกว่ากดจนอาร์เซนอลดิ้นไม่หลุด และสุดท้ายพวกเขาก็แพ้ต่อทั้งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลิเวอร์พูล และอาจรวมถึงเลสเตอร์ ซิตี้

 

และเมื่อต้องเจอทีมในระดับใกล้เคียงหรืออ่อนกว่า พวกเขาก็ไม่สามารถเข้าทำได้ จินตนาการในการเล่นหายไปจนน่าตกใจ และความมั่นใจของทีมก็ลดน้อยลง โดยเฉพาะผลกระทบรุนแรงจากความพ่ายแพ้คาบ้านต่อแอสตัน วิลลา 0-3 ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่บุกไปเอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ส่งผลรุนแรงอย่างมาก

 

นักเตะกันเนอร์สเริ่มไม่มั่นใจในการเล่นของตัวเอง และสะท้อนออกมาในภาพรวมกับผลงานของทีมที่ตกต่ำลง

 

ตรงนี้เป็นสิ่งที่น่ากังวล และคนเป็นผู้นำอย่างอาร์เตตาจำเป็นที่จะต้องหาทางในการแก้ไขโดยเร็วที่สุด

 

โดยเฉพาะการค้นหาสไตล์การเล่นที่เหมาะสมกับทีมอย่างอาร์เซนอล ทั้งในเชิงของดีเอ็นเอสโมสรที่ถูกปลูกฝังจาก อาร์เซน เวนเกอร์ ในการเล่นฟุตบอลที่สวยงาม – และความจริงแล้วทุกคนก็คาดหวังว่าอาร์เตตาซึ่งเป็นมือขวาของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา น่าจะนำสไตล์แบบเดียวกันมาด้วย ไม่ใช่สไตล์แบบแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุค เดวิด มอยส์ – และในเชิงของผู้เล่นที่มีในทีม

 

เพราะเห็นได้ชัดว่ายิ่งเวลาผ่านไป ผู้เล่นในทีมเริ่มมีความสุขในการเล่นน้อยลง ทั้งๆ ที่ตัวผู้เล่นในทีมอาร์เซนอลนั้นไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่แต่อย่างใด

 

เวลานี้เขายังเป็นคนที่ทุกคนพร้อมให้โอกาสอยู่ เพียงแต่อย่าลืมว่าโอกาสนั้นมีจำกัด

 

เช่นเดียวกับเวลาและความอดทนของผู้คน

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X