จากกรณีที่มีกลุ่มวัยรุ่นยกพวกเข้าไปทำร้ายคู่กรณีในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลเมืองสมุทรปู่เจ้าฯ และเข้าไปทำร้ายแพทย์หญิงกับเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลวิภาราม-ชัยปราการ ที่ไม่สามารถช่วยผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นเพื่อนของกลุ่มวัยรุ่นจากเหตุทะเลาะวิวาทกันก่อนหน้านั้นได้ จนเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บทั้งสองโรงพยาบาลเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา
ล่าสุดวันนี้ (20 กรกฎาคม) พล.ต.อ. สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาติดตามความคืบหน้าคดีกลุ่มวัยรุ่นยกพวกบุกทั้งสองโรงพยาบาลในจังหวัดสมุทรปราการดังกล่าว พร้อมเปิดเผยรายละเอียดว่า
ขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้แล้ว 11 คน จำนวนนี้รวมผู้ที่ลงมือชกแพทย์หญิงของโรงพยาบาลวิภาราม-ชัยปราการ เหลืออีก 7 คนที่อยู่ระหว่างติดตามตัว แต่ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่จะสามารถติดตามตัวคนร้ายทั้งหมดมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้อย่างแน่นอน ส่วนจะใช้ระยะเวลาเท่าใดไม่สามารถตอบได้ เพราะต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ทำงาน แต่ยืนยันว่าจะดำเนินการโดยเร็วที่สุด โดยขณะนี้ทั้งหมดยังไม่ได้ประสานขอเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่
จากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบว่าผู้ก่อเหตุทั้งหมดเป็นเยาวชน โดยการกระทำของกลุ่มวัยรุ่นถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในที่สาธารณะ โรงพยาบาลถือเป็นสถานที่ที่ใช้รักษาผู้ป่วย ซึ่งโดยปกติแล้วในโรงพยาบาลจะมีเจ้าหน้าที่คอยระงับเหตุ แต่ในวันเกิดเหตุพบว่าผู้ก่อเหตุมีจำนวนมาก จึงอาจจะทำให้มีเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ
ส่วนการดำเนินคดีนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ก่อนจะแยกดำเนินคดีในแต่ละข้อหา เพราะบางคนไม่เกี่ยวข้อง เพียงแต่เดินทางมาเยี่ยมผู้บาดเจ็บเท่านั้น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนเชิงลึก ส่วนสาเหตุที่ทำให้วัยรุ่นสองกลุ่มทะเลาะวิวาทจะเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือไม่นั้น ล่าสุดยังไม่พบข้อมูล
ขณะที่ ชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่อุกอาจ ทำให้ภาพลักษณ์ของจังหวัดสมุทรปราการเสื่อมเสีย จึงต้องเดินทางมาติดตามความคืบหน้าของคดีด้วยตนเอง
ด้าน นทีธร วรวาทิน รุ่นพี่ของผู้เสียชีวิต บอกว่าขอโทษแทนน้องที่เข้าไปทำร้ายแพทย์และพยาบาล ที่ทำไปตอนนั้นเป็นเพราะความโมโห แต่ยังติดใจในการเสียชีวิตว่าทำไมไม่มีแพทย์ ทำไมแพทย์จึงปล่อยให้น้องรอ ส่วนตัวของผู้เสียชีวิตนั้นนิสัยดี ขยันทำงาน ไม่ทำร้ายใครก่อน ช่วยครอบครัวทำงาน ตอนนี้น้องๆ ทุกคนก็สำนึกผิด ทำไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และไม่เคยรู้จักหรือมีปัญหากับกลุ่มผู้บาดเจ็บมาก่อน ถือว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นบทเรียนครั้งใหญ่
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์