วันนี้ (29 พฤษภาคม) พล.ท. ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 แถลงข่าวชี้แจงกรณีการจับกุมร้านจำหน่ายอุปกรณ์อาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุน ภายในร้านค้าสวัสดิการค่ายวชิราวุธ จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยยืนยันว่าอาวุธปืนและเครื่องกระสุนที่พบเป็นชนิดที่ซื้อขายกันทั่วไป ไม่ใช่อาวุธสงคราม และไม่มีความเชื่อมโยงกับสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตามที่มีความกังวล
แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ร่วมมือกันสืบสวนสอบสวนจนนำไปสู่การรับสารภาพถึงที่มาของอาวุธที่ตรวจพบว่าเป็นอาวุธใหม่ทั้งหมด สามารถซื้อขายได้ตามท้องตลาด และเป็นการอำนวยความสะดวกให้ผู้ซื้อในภาคใต้ ไม่ใช่กลุ่มขบวนการ แต่เป็นเรื่องของบุคคลที่ใช้ชื่อกำลังพลภายในค่ายเช่าพื้นที่เพื่อเปิดร้านค้าเชิงพาณิชย์จำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่งอาวุธปืน เครื่องทหาร อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และรับส่งพัสดุเอกชน ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสอบสวนและขยายผลเพิ่มเติม
พล.ท. ไพศาล เน้นย้ำว่า กองทัพไม่ได้นิ่งนอนใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นการต่อสู้ระหว่างเจ้าหน้าที่กับกลุ่มผู้เห็นต่างที่มีการพัฒนาบุคคลรุ่นใหม่ที่นิยมความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง สำหรับกรณีการตรวจพบอาวุธปืนในหน่วยทหารนั้น กองทัพจะดำเนินการตามกฎหมายถึงที่สุดหากพบว่ากำลังพลมีส่วนเกี่ยวข้องจริง พร้อมกำชับหน่วยทหารทุกแห่งห้ามมีการแอบอ้าง ซุกซ่อน หรืออำพรางสิ่งผิดกฎหมายในพื้นที่โดยเด็ดขาด และพร้อมเปิดเผยข้อมูลต่อสื่อมวลชนในทุกเหตุการณ์เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชน
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องไม่มีความกังวลใจ และพร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาร่วมกับทุกภาคส่วนอย่างจริงจัง ในฐานะแม่ทัพภาคที่ 4 เชื่อมั่นการทำงานของเจ้าหน้าที่ภายใต้นโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งมั่น ขับเคลื่อนอย่างประสานสอดคล้อง” พล.ท. ไพศาล กล่าว
แม่ทัพภาคที่ 4 ยังกล่าวด้วยว่า ประชาชนทุกคนที่ได้รับทราบข้อมูลข่าวสารสถานการณ์ในพื้นที่ต่างเข้าใจบริบทของจังหวัดชายแดนภาคใต้ดี เพราะทุกเหตุการณ์ล้วนมีเหตุและผล ซึ่งการแก้ไขปัญหาของเจ้าหน้าที่จะยึดหลักกฎหมาย รวบรวมพยานหลักฐานเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน