วันนี้ (12 ธันวาคม) BBC สื่อชื่อดังของอังกฤษ รายงานว่า กรีฑาโลก หรือ World Athletics ประกาศรางวัลนักกรีฑายอดเยี่ยม หรือ World Athletics Awards ประจำปีออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีชื่อของ อาร์มานด์ ดูพลานติส นักกระโดดค้ำถ่อเจ้าของสถิติโลก เป็น 1 ใน 6 คนที่ได้รับรางวัลดังกล่าว
งานประกาศรางวัลประจำปีนี้เปลี่ยนจากการมอบรางวัลให้แก่ผู้ชนะทั้งชายและหญิงเพียงฝั่งคนเดียว มาเป็นการมอบรางวัลใน 6 ประเภท ได้แก่ ประเภทลู่ ชาย-หญิง, ประเภทลาน ชาย-หญิง และประเภทถนน ชาย-หญิง
ดูพลานติส แชมป์โลกและแชมป์โอลิมปิกจากสวีเดน เจ้าของสถิติโลกกระโดดค้ำถ่อชาย คว้ารางวัลนี้ในฐานะนักกรีฑาชายประเภทลานยอดเยี่ยมแห่งปี
ขณะที่ผู้ชนะคนอื่นๆ ได้แก่ โนอาห์ ไลล์ส ลมกรดจากสหรัฐอเมริกา ได้รางวัลนักกรีฑาประเภทลู่ชายยอดเยี่ยม, เคลวิน คิปตัม นักวิ่งจากเคนยา เจ้าของสถิติโลกมาราธอนคนใหม่ ได้รับรางวัลนักกรีฑาประเภทถนนชายยอดเยี่ยม
ทางฝ่ายหญิง มีทาง ตีกส์ แอสเซฟา นักวิ่งเจ้าของสถิติโลกมาราธอนหญิงจากเอธิโอเปีย ได้รับรางวัลประเภทถนนหญิง, เฟธ คิปเยกอน นักวิ่งระยะกลางชาวเคนยา ได้รับรางวัลประเภทลู่หญิง และ ยูลิมาร์ โรฮาส นักเขย่งก้าวกระโดดหญิงจากเวเนซุเอลา ได้รับรางวัลประเภทลานฝ่ายหญิง
โดยในปีนี้ ดูพลานติส, คิปตัม, แอสเซฟา และ คิปเยกอน ทำสถิติโลกใหม่สำเร็จทั้ง 4 คน สวนไลล์ส ก็มีผลงานที่โดดเด่น ขณะที่โรฮาสครองสถิติโลกเดิมและทำผลงานในปีนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม
ดูพลานติสวัย 24 ปี ทำลายสถิติโลก 2 ครั้งในปี 2023 พร้อมป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกของเขาในการแข่งขันกรีฑาชิงแชมป์โลกที่ฮังการีได้ด้วย
ด้านแอสเซฟาวัย 27 ปี สร้างปรากฏการณ์ในการวิ่งที่เบอร์ลินมาราธอนปีนี้ ด้วยการทำลายสถิติโลกมาราธอนหญิงครั้งแรกในรอบเกือบ 40 ปี
คิปเยกอนสร้างสถิติโลกใหม่ถึง 3 รายการ ตั้งแต่ระยะ 1,500 เมตรหญิง, 5,000 เมตรหญิง และ 1 ไมล์ โดยนักวิ่งวัย 29 ปียังคว้า 2 เหรียญทองในการแข่งขันกรีฑาชิงแชมป์โลกปีนี้มาครองอีกด้วย
โรฮาสวัย 28 ปี คว้าแชมป์โลกเขย่งก้าวกระโดดเป็นสมัยที่ 4 ในการแข่งขันที่ฮังการี พร้อมคว้าแชมป์ไดมอนลีกเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน
ไลล์สวัย 26 ปี กวาดเหรียญทองในการแข่งขันวิ่งระยะสั้นในศึกชิงแชมป์โลกได้ทั้งหมดทั้งระยะ 100 เมตรชาย, 200 เมตรชาย และยังพาทีมคว้าแชมป์ 4×100 เมตรชายได้ด้วย
และ คิปตัม นักวิ่งมาราธอนวัย 24 ปีจากเคนยา สามารถทำลายสถิติโลกของเจ้าตำนานอย่าง เอเลียด คิปโชเก ได้สำเร็จในชิคาโกมาราธอน โดยการทำเวลาต่ำกว่า 2 ชั่วโมง 1 นาที ได้เป็นครั้งแรกด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 35 วินาทีเท่านั้น
อ้างอิง:
