โปรเม-เอรียา จุฑานุกาล โปรมือ 3 ของโลกจากไทย คว้าแชมป์แอลพีจีเอทัวร์ รายการที่ 3 ของปี ในศึก Ladies Scottish Open ที่เมืองอเบอร์ดีน เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา ด้วยการเก็บเพิ่ม 5 อันเดอร์พาร์ในการแข่งขันรอบสุดท้าย สกอร์รวม 13 อันเดอร์ 271
หลังจบการแข่งขัน โปรเมได้ให้สัมภาษณ์กับทางแอลพีจีเอเปิดเผยว่า เป็นชัยชนะที่รอคอยในสนามรูปแบบ Links Course สนามโบราณในแถบสกอตแลนด์ ซึ่งมีลักษณะติดริมทะเลและมีลมแรง
“เป็นชัยชนะที่มีความหมายมาก ก่อนหน้านี้ได้บอกกับแคดดี้ว่าอยากคว้าชัยชนะในสนาม Links Course สักครั้งหนึ่งในชีวิต และตอนนี้ฝันก็กลายเป็นจริงแล้ว”
สำหรับการกลับขึ้นมือหนึ่งของโลก โปรเมยอมรับว่ามีความหมายต่อเธอมากเช่นกัน แต่ในเวลานี้อยากกลับไปโฟกัสที่การสนุกกับการลงแข่งขัน
“ความจริงคือไม่อยากคิดถึงการกลับขึ้นที่หนึ่งของโลก เพราะครั้งที่แล้วมันไม่ได้ช่วยถ้าเราคิดถึงแต่อันดับโลก ดังนั้นตอนนี้ตั้งใจจะโฟกัส ทำงานหนัก เล่นให้สนุก และ พัฒนาตัวเองให้ได้ทุกวัน”
สำหรับการแข่งขันรอบสุดท้าย โปรเมที่ทำผลงานจบ 3 วัน เป็นผู้นำร่วมที่ 8 อันเดอร์พาร์ ออกรอบร่วมกับโปรเกาหลีใต้ เอมี หยาง ซึ่งนำร่วม และ ลีมินจี โปรชาวออสเตรเลียเชื้อสายเกาหลี ซึ่งอยู่อันดับ 3 ตามเพียงสโตรกเดียว
รอบสุดท้าย ทั้ง 3 คนประเดิมช่วงแรกด้วยการเก็บเบอร์ดี้ที่หลุม 2 พาร์ 5 เหมือนกัน ทำให้โปรเมและหยางมี 9 อันเดอร์พาร์ ส่วนลีตามมาติดๆ ที่ 8 อันเดอร์พาร์ ก่อนที่ลีมาได้อีกเบอร์ดี้ที่หลุม 4 พาร์ 4 กลายเป็นผู้นำร่วม 3 คน พอหลุม 6 พาร์ 4 โปรเมพลาดเสียโบกี้จนหล่นไป 8 อันเดอร์พาร์ ตามหลังหยางและลีอยู่ 1 สโตรก
ก่อนที่โปรเมจะแก้ตัวด้วยการเก็บ 3 เบอร์ดี้รวดที่หลุม 7, 8, 9, 11 ทำให้แซงขึ้นไปนำเดี่ยวที่ 12 อันเดอร์พาร์ ตามด้วยลีมินจี 11 อันเดอร์พาร์ และเอมี หยาง 10 อันเดอร์พาร์
ก่อนจะปิดเกมในหลุม 16 พาร์ 5 โปรเมทีออฟหลุมซ้ายนิดๆ เล่นช็อตสองไม่ออน ลูกตกบริเวณขอบกรีน โปรเมตัดสินใจพัตต์อีเกิลจากขอบกรีน เหลือระยะทำเบอร์ดี้ราว 4-5 ฟุต โปรเมเก็บเบอร์ดี้ได้เช่นเดียวกับลี ส่วนหยางเสียโบกี้ ทำให้โปรเมยังนำเดี่ยว สกอร์ 13 อันเดอร์พาร์
2 หลุมสุดท้าย โปรเมเซฟพาร์ได้สำเร็จ ทำให้โปรเมคว้าแชมป์ไปครองด้วยผลงาน 13 อันเดอร์พาร์ 271 เฉือนชนะลีมินจี 1 สโตรก กลายเป็นนักกอล์ฟคนแรกของปีนี้ที่คว้าแชมป์แอลพีจีเอทัวร์ได้ถึง 3 รายการ และนับเป็นรายการที่ 10 ในอาชีพแอลพีจีเอ พร้อมทำคะแนนเฉลี่ยแซง ปาร์กอินบี ขึ้นไปเป็นมือ 1 ของโลกอีกครั้งในการจัดอันดับโลกวันจันทร์ (30 ก.ค.) นี้
อ้างอิง:
