ถือเป็นข่าวเศร้าครั้งยิ่งใหญ่สำหรับวงการเพลงอีกครั้ง เมื่อ อารีธา แฟรงคลิน (Aretha Franklin) หนึ่งในนักร้องที่ทรงอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์วงการดนตรีที่นิตยสาร Rolling Stone ยกให้เป็นนักร้องที่ดีที่สุดตลอดกาล ได้เสียชีวิตด้วยวัย 76 ปีที่รัฐดีทรอยต์ หลังประสบปัญหาโรคภัยรุมเร้ามานาน โดยมีการแสดงครั้งสุดท้ายเมื่อปีก่อนที่งานการกุศล Elton John AIDS Foundation ของ เอลตัน จอห์น (Elton John) ที่มหานครนิวยอร์ก
อารีธา เกิดที่เมืองเมมฟิส ในรัฐเทนเนสซี เมื่อวันที่ 26 มีนาคม ปี 1942 และเริ่มเป็นนักร้องมืออาชีพด้วยวัยเพียง 14 ปี กับการออกอัลบั้มเพลงสไตล์ Gospel ชื่อ ‘Songs of Faith’ ภายใต้สังกัด J.V.B. Records ก่อนที่เธอตัดสินใจเปลี่ยนมาเป็นนักร้องสายป๊อปเหมือน แซม คุก (Sam Cooke) ฮีโร่ของเธอ และย้ายสังกัดมาอยู่ภายใต้ Columbia Records อีกหกปี แต่เพราะในสมัยนั้นศิลปินอย่างอารีธายังคงประสบปัญหาการแบ่งแยกผิวสีในประเทศสหรัฐอเมริกา เพลงของเธอก็ยังคงเฉพาะกลุ่มและไม่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง
แต่จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นหลังอารีธาย้ายสังกัดอีกรอบมาอยู่กับ Atlantic Records และปล่อยอัลบั้ม ‘I Never Loved a Man the Way I Love You’ ในปี 1967 ที่ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น และนิตยสาร Rolling Stone ยกให้เป็นหนึ่งในอัลบั้มที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ แถมเพลง ‘Respect’ จากอัลบั้มนี้ที่เธอคัฟเวอร์ของ โอทิส เรดดิง (Otis Redding) อีกหนึ่งศิลปินผิวสีในตำนาน ก็กลายเป็นเวอร์ชันคลาสสิกที่เป็นบรรทัดฐานของเพลงแนวโซลอาร์แอนด์บีทุกวันนี้
หลังจากนั้นอารีธาก็มีอัลบั้มออกมาอีก 31 ชุด จากทั้งหมด 42 ชุด และมีเพลงฮิตอย่าง Chain of Fools, (You Make Me Feel Like) A Natural Woman, Think และ I Say a Little Prayer เป็นต้น ซึ่งเธอเป็นหนึ่งในศิลปินที่มีเพลงบนชาร์ต Billboard Hot 100 มากที่สุดกับ 73 เพลง และชนะรางวัลแกรมมี่ 18 ครั้ง ส่วนผลงานสุดท้ายของเธอก็คืออัลบั้ม ‘A Brand New Me’ ในปี 2017 ที่เป็นการนำเพลงอมตะของเธอมาเรียบเรียงใหม่กับดนตรีของ Royal Philharmonic Orchestra
ความสำคัญของอารีธาถือว่ามหาศาล ไม่ใช่เพียงแค่ด้านการสร้างสรรค์ดนตรี แต่เธอได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในบุคคลที่ช่วยปฏิรูปและขับเคลื่อนสังคมด้านความเท่าเทียมของคนผิวสีช่วงขบวนการสิทธิพลเมือง (Civil Rights Movement) ในอเมริกาช่วงยุค 50s กับ 60s ผ่านเพลงที่ร้อง และหลายบทเพลงก็ยังเป็นเพลงที่พูดถึงเรื่องสิทธิสตรีมาโดยตลอด ซึ่งเธอก็เป็นศิลปินผู้หญิงคนแรกที่ได้รับเลือกการจารึกใน Rock & Roll Hall of Fame อีกด้วยในปี 1987
มากไปกว่านั้นประธานาธิบดี บารัก โอบามา ยังเลือกให้อารีธาเป็นคนขับร้องเพลง ‘My Country, ‘Tis of Thee’ ในงานสาบานตนรอบแรกของเขาที่วอชิงตัน ดี.ซี. ในปี 2009 และ จอร์จ ดับเบิลยู. บุช ก็ได้มอบเหรียญทรงเกียรติ Presidential Medal of Freedom ในปี 2005 อีกด้วย
https://www.youtube.com/watch?v=XHsnZT7Z2yQ&feature=youtu.be