หลังจากสำนักงาน ก.ล.ต. ประกาศหลักเกณฑ์ตั้ง Thailand ESG Fund มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 เป็นต้นไป ล่าสุด ก.ล.ต. เปิดเผยว่า ได้อนุมัติจัดตั้งกองทุนรวม Thai ESG ชุดแรก 22 กองทุน จาก บลจ. 16 แห่ง
พรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต. ได้ออกประกาศเพื่อรองรับการจัดตั้งและจัดการกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน รวม 11 ฉบับ โดยได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2566 ซึ่งมีผลให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) สามารถจัดตั้งกองทุนรวม Thai ESG ได้ทันที ในเบื้องต้น ก.ล.ต. ได้รับคำขออนุมัติจัดตั้งกองทุนรวม Thai ESG ชุดแรก 22 กองทุน จาก บลจ. 16 แห่ง โดยสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) และสมาชิกประสงค์จะเสนอขายพร้อมกันในวันแถลงข่าวเปิดตัวกองทุนรวม Thai ESG อย่างเป็นทางการที่กรมสรรพากร, ก.ล.ต., สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO), AIMC และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะร่วมกันจัดขึ้นในวันที่ 8 ธันวาคม 2566
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เปิดเงื่อนไขการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี กองทุน Thai ESG ‘ฉบับเต็ม’ หลัง ครม. อนุมัติหลักการ เริ่มซื้อหน่วยลงทุนได้แล้วตั้งแต่วันนี้!
- ก.ล.ต. จ่อคลอดเกณฑ์ขายกองทุน Thailand ESG Fund เสร็จภายในวันที่ 20 พ.ย. นี้ พร้อมชงเข้า ครม. 21 พ.ย. นี้
- สรุปเงื่อนไข ‘สิทธิหักลดหย่อน-ค่าซื้อหน่วยลงทุน’ สำหรับกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (TESG)
ทั้งนี้ กองทุนรวม Thai ESG เป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนในทรัพย์สินด้านความยั่งยืนที่มีความหลากหลาย ที่ผู้ออกทรัพย์สินนั้นเป็นภาครัฐหรือกิจการที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ซึ่ง ก.ล.ต. พร้อมให้การสนับสนุน เพื่อให้ประชาชนได้มีโอกาสเลือกลงทุนในกองทุนรวมที่ส่งเสริมความยั่งยืนของประเทศไทย โดยได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการลงทุนในกองทุนรวมดังกล่าวได้ตั้งแต่ปีภาษี 2566
ก.ล.ต. สนับสนุนให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายการลงทุนและเป้าหมายด้านความยั่งยืนของแต่ละกองทุนรวมก่อนตัดสินใจลงทุน โดยกองทุนรวม Thai ESG จะต้องเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนของกองทุนรวมตามหลักเกณฑ์กองทุนรวมเพื่อความยั่งยืน (SRI Fund) ด้วย โดยเมื่อกองทุนรวม Thai ESG ได้รับการจดทะเบียนเป็นกองทรัพย์สินแล้ว ผู้ลงทุนจะสามารถตรวจสอบรายชื่อได้ผ่านช่องทางเว็บไซต์ ก.ล.ต.
อนึ่ง ผู้ลงทุนสามารถนำเงินลงทุนในกองทุน Thai ESG มาหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกินร้อยละ 30 ของเงินได้พึงประเมิน เฉพาะในส่วนที่ไม่เกิน 100,000 บาท สำหรับปีภาษีที่มีการลงทุน รวมทั้งเงินหรือผลประโยชน์ที่ได้จากการขายคืนหน่วยลงทุนจะได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษี ถ้าการลงทุนเป็นไปตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรประกาศกำหนด โดยผู้มีเงินได้ต้องถือหน่วยลงทุนดังกล่าวไม่น้อยกว่า 8 ปี นับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน