เมื่อวันอังคารที่ 29 ม.ค. ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ บริษัท Apple ได้เปิดเผยผลประกอบการในช่วงไตรมาสแรกของปี 2019 (เดือนตุลาคม-ธันวาคม 2018) พบว่ามีรายได้ 84,310 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 2.65 ล้านล้านบาท ลดลง 5% จากช่วงไตรมาสเดียวกันของปี 2017 เป็นไปตามคาดคือ iPhone เป็นไลน์ผลิตภัณฑ์เดียวของบริษัทที่มียอดขายลดลง 15% ขณะที่ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ยังคงมีอัตราการเติบโตในเชิงยอดขายอย่างต่อเนื่อง
เมื่อนำงบการเงินของบริษัทช่วงไตรมาสแรกปี 2019 มากางดูให้ละเอียดจะพบประเด็นที่น่าสนใจว่า ตลาดทั่วโลกยกเว้นสหรัฐฯ และโซนเอเชีย-แปซิฟิก (ไม่นับรวมญี่ปุ่นและจีน) มียอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์หดตัวเหมือนกันหมด โดยเฉพาะ ‘จีน’ ที่อ่วมสุด จากเดิมไตรมาสแรกปี 2018 เคยทำเงินให้ Apple มากกว่า 17,956 ล้านเหรียญสหรัฐ ปัจจุบันยอดขายสินค้าในจีนลดลงไป 26% ทำรายได้ไปแค่ 13,169 ล้านเหรียญสหรัฐ สาเหตุหลักมาจากวิกฤตและความบาดหมางจากกรณีสงครามการค้า
ทิม คุก ซีอีโอบริษัทเปิดเผยว่า “ในขณะที่มันกลายเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังที่พวกเราพลาดการทำรายได้ให้ถึงเป้าหมายที่วางเอาไว้ แต่เรายังคงบริหาร Apple ต่อไปพร้อมกับเป้าหมายในระยะยาว แล้วผลประกอบการในไตรมาสนี้ก็ได้สะท้อนให้เห็นแล้วว่าจุดแข็งทางธุรกิจของเราได้ดำเนินไปอย่างลึกล้ำและกว้างไกล
“ผลิตภัณฑ์ของพวกเราถูกใช้งานจริงแบบแอ็กทีฟสูงสุดเป็นประวัติการณ์มากถึง 1.4 พันล้านชิ้นในช่วงไตรมาสแรก การเติบโตของสินค้าเราในแต่ละเซกเมนต์จึงถือเป็นข้อพิสูจน์ถึงความพึงพอใจและความภักดีที่ลูกค้ามีให้กับแบรนด์ Apple ทั้งยังเป็นตัวช่วยขับเคลื่อนธุรกิจบริการของเราให้ทำรายได้มากที่สุดเป็นสถิติใหม่อีกด้วย”
ที่ ทิม คุก กล่าวเช่นนั้นเป็นเพราะว่าถึงแม้บริษัทจะมีรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์รวมทุกชนิดลดลงจริง แต่เมื่อข้ามมาดูที่รายได้จากบริการต่างๆ (Apple Music, iTunes และบริการอื่นๆ) ก็จะพบว่ามีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 19% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่แล้ว โดยมีรายได้ 10,875 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งอาจตีความในอีกมุมหนึ่งได้ว่า อนาคตข้างหน้า Apple อาจเบนเข็มมาจับตลาดบริการ Subscription มากขึ้น
อีกปัจจัยลบที่ทำให้ยอดขาย iPhone ดิ่งลงแบบน่าใจหายมาจากการเพิ่มราคาจำหน่ายสินค้าและความถี่ในการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ๆ ที่ถูกซอยแยกย่อยออกมาเป็นจำนวนมากในระยะหลังๆ เช่นเดียวกันกับการที่ iPhone มีอายุการใช้งานที่ยืนยาวมากขึ้น
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: