คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission: EC) หน่วยงานบริหารของสหภาพยุโรป สั่งปรับ Apple เป็นเงิน 1.8 พันล้านยูโร (ประมาณ 6.66 หมื่นล้านบาท) ในวันจันทร์ที่ผ่านมา (4 มีนาคม) ในข้อหาละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดของ EU ด้วยการใช้อำนาจเหนือตลาดเพื่อขัดขวางการแข่งขันในตลาดแอปพลิเคชันสตรีมมิงเพลง
คณะกรรมาธิการฯ ระบุว่า Apple ได้ใช้มาตรการขัดขวางไม่ให้นักพัฒนาแอปสตรีมมิงเพลงแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับช่องทางสมัครสมาชิกที่ราคาถูกกว่าให้แก่ผู้ใช้งานระบบ iOS รวมถึงแบนนักพัฒนาแอปจากการให้ข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับวิธีการสมัครสมาชิกในราคาประหยัดแก่ผู้ใช้งานอีกด้วย
ข้อกล่าวหานี้ถือเป็นการปรับครั้งแรกจากบรัสเซลส์ต่อ Apple และเป็นหนึ่งในการปรับที่หนักที่สุดที่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ใน EU เคยได้รับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- รับได้ไหมหากต้องจ่าย Spotify แพงขึ้น? หลังบรรดาค่ายเพลงมีความรู้สึกมานานแล้วว่า ราคาของการสตรีมเพลงควรเพิ่มขึ้น
- ซีอีโอของ Spotify ย้ำ การปลดพนักงาน 1,700 คนไม่ใช่การก้าวเดินถอยหลัง แต่เป็นความจำเป็นเพื่อหนทางสู่ความสำเร็จในอนาคต
- ตำเงิน (แสนล้านและเวลา 10 ปี) ละลายกับ EV! เบื้องลึกเบื้องหลังฝันไกลแต่ไปไม่ถึงของ Apple จนต้องพับโปรเจกต์รถยนต์ที่ (ถูกมองว่า) ‘ล้มเหลว’ ตั้งแต่แรก
คณะกรรมาธิการฯ เริ่มต้นตรวจสอบ หลังจากได้รับการร้องเรียนจาก Spotify ในปี 2019 โดยการตรวจสอบมุ่งเน้นไปที่กฎข้อบังคับในสัญญาของ Apple ที่ผูกมัดนักพัฒนาแอป ห้ามไม่ให้แจ้งผู้ใช้ iPhone และ iPad เกี่ยวกับบริการสตรีมมิงเพลงทางเลือกที่ราคาต่ำกว่านอกเหนือจาก App Store
คณะกรรมาธิการกล่าวว่า พฤติกรรมของ Apple ดำเนินมาเกือบ 10 ปี และอาจทำให้ผู้ใช้ระบบ iOS ต้องจ่ายค่าบริการสตรีมมิงเพลงแพงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากค่าธรรมเนียมหรือค่าคอมมิชชันที่สูงที่ Apple เก็บจากนักพัฒนา และผลักภาระนี้ไปสู่ผู้บริโภคผ่านการเพิ่มค่าสมาชิก”
หลังมีคำสั่งออกมา Apple ได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้แบบดุเดือด โต้กลับว่า Spotify แพลตฟอร์มสตรีมเพลงยักษ์ใหญ่ใช้ App Store ฟรี ดาวน์โหลดแอปกว่า 1.19 แสนล้านครั้ง ไม่เคยจ่ายค่าคอมมิชชัน แต่กลับต้องการสิทธิพิเศษ แทรกแซงราคาสมาชิกในแอปโดยไม่ใช้ระบบจ่ายเงินของ App Store
Apple ชี้ว่า Spotify ครองส่วนแบ่งตลาด 56% ในยุโรป มากกว่าคู่แข่งสองเท่า! เติบโตอย่างรวดเร็ว แสดงว่าตลาดเพลงดิจิทัลแข่งขันสูง ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากมาย การที่ Spotify ไม่เคยจ่ายค่าคอมมิชชันให้ Apple นั้น เป็นเพราะ เลือกที่จะขายการสมัครสมาชิกบนเว็บไซต์ของตนเองแทนที่จะขายในแอป ซึ่ง Apple ก็ไม่คิดค่าคอมมิชชันจากการซื้อเหล่านั้น
Spotify ร้องเรียน EC กว่า 65 ครั้ง ต้องการเปลี่ยนกฎ App Store เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อตนเอง ต้องการแทรกแซงราคาสมาชิกในแอปโดยไม่ใช้ระบบจ่ายเงินของ App Store ซึ่ง Apple มองว่าไม่ยุติธรรม
“การได้ประโยชน์แบบฟรีๆ ยังไม่เพียงพอสำหรับ Spotify พวกเขาต้องการเขียนกฎของ App Store ขึ้นใหม่เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อตนเองให้มากขึ้นอีก” Apple กล่าวในแถลงการณ์ “สรุปสั้นๆ ก็คือ Spotify ไม่รู้จักพอ”
Apple ย้ำว่า กฎเกณฑ์ App Store นั้นยุติธรรม โปร่งใส ช่วยให้นักพัฒนาทั้งรายใหญ่และรายย่อยมีโอกาส โดย 86% ของนักพัฒนาไม่ต้องจ่ายค่าคอมมิชชันให้ Apple เลย มีเพียงสองกรณีเท่านั้นที่นักพัฒนาต้องจ่ายค่าคอมมิชชัน คือขายแอปแบบมีค่าใช้จ่าย และขายสินค้าหรือบริการดิจิทัลในแอป เช่น การสมัครสมาชิก ย้ำว่า App Store สร้างระบบเศรษฐกิจแอปที่เฟื่องฟู ช่วยให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากมาย สนับสนุนนักพัฒนา ส่งเสริมการแข่งขันและนวัตกรรม
ตัวแทนของ Spotify กล่าวว่า การตัดสินของคณะกรรมาธิการฯ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญในการต่อสู้เพื่ออินเทอร์เน็ตที่เปิดกว้างมากขึ้นสำหรับผู้บริโภค และย้ำว่ามาตรการของ Apple ปิดกั้น Spotify และผู้ให้บริการสตรีมมิงเพลงอื่นๆ จากการแจ้งโปรโมชันและข้อดีต่างๆ แก่ผู้ใช้แอปโดยตรง
คณะกรรมาธิการฯ ระบุว่า Apple ห้ามนักพัฒนาแอปไม่ให้ผู้ใช้ระบบ iOS ทราบถึงช่องทางสมัครสมาชิกในเว็บไซต์ของแอปที่มีราคาถูกกว่า และไม่สามารถใส่ลิงก์ใดๆ เชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ได้ นอกจากนี้ Apple ยังห้ามนักพัฒนาแอปติดต่อผู้ใช้โดยตรงแม้ในกรณีที่ผู้ใช้สมัครสมาชิกแล้วก็ตาม เพื่อแจ้งช่องทางสมัครที่ถูกลง
Margrethe Vestager หัวหน้าฝ่ายต่อต้านการผูกขาดของ EU ให้สัมภาษณ์สื่อว่า โทษปรับขั้นพื้นฐาน 1.8 พันล้านยูโรนั้น ‘น้อยมาก’ สำหรับบริษัทขนาดเท่า Apple เธอเปรียบเทียบการปรับครั้งนี้ว่าเป็นเพียง ‘ใบสั่งปรับความเร็ว หรือค่าจอดรถเท่านั้น’ เมื่อเทียบกับขนาดบริษัท
“เมื่อ Apple บังคับใช้มาตรการขัดขวางผู้ให้บริการด้านดนตรี พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมรับหรือไม่ก็ทิ้ง App Store ไปเลย ปัจจุบัน Apple ผูกขาด App Store อย่างสมบูรณ์” Vestager กล่าว
การสั่งปรับครั้งนี้ถือเป็นการเพิ่มความตึงเครียดระหว่างฝั่งบิ๊กเทคและบรัสเซลส์ ขณะที่ EU เข้มงวดตรวจสอบบริษัทเทคมากเป็นประวัติการณ์
ปีที่แล้ว คณะกรรมาธิการฯ ได้กำหนดให้ Apple, Microsoft, Meta และบริษัทเทครายใหญ่อื่นๆ เป็น ‘ผู้ควบคุมประตู’ (Gatekeepers) ภายใต้กฎหมายสำคัญ Digital Markets Act (DMA) ที่บังคับใช้ไปแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา มีเป้าหมายในการจำกัดพฤติกรรมต่อต้านการแข่งขันของผู้เล่นในวงการเทคโนโลยี และบังคับให้พวกเขาเปิดให้บริการบางอย่างแก่คู่แข่งรายอื่นๆ
กฎหมายดังกล่าวเริ่มส่งผลต่อ Apple แล้ว บริษัทประกาศแผนในปีนี้ที่จะอนุญาตให้ iPhone และ iPad ใช้ App Store ทางเลือกอื่นนอกเหนือจากของตัวเองได้ ซึ่งตอบโจทย์ข้อร้องเรียนของนักพัฒนาที่ไม่พอใจค่าธรรมเนียม 30% ที่ Apple เก็บจากการขายสินค้าและบริการผ่านแอป
Vestager ส่งสัญญาณเตือนไปยัง Apple เกี่ยวกับกฎหมาย DMA ว่า “ภายในวันที่ 7 มีนาคมนี้ Apple จะต้องปฏิบัติตามรายการสิ่งที่ต้องทำและห้ามทำอย่างเคร่งครัดภายใต้ DMA รวมถึง Apple จะไม่สามารถบังคับใช้กฎต่างๆ อย่างมาตรการต่อต้านการชี้นำผู้ใช้ไปช่องทางอื่น และนี่จะมีผลกับแอปทุกชนิดบน App Store ไม่ใช่แค่แอปสตรีมมิงเพลงเท่านั้น”
ภาพ: Jaap Arriens / NurPhoto via Getty Images
อ้างอิง:
- https://www.apple.com/th/newsroom/2024/03/the-app-store-spotify-and-europes-thriving-digital-music-market/
- https://apnews.com/article/apple-antitrust-fine-music-streaming-europe-439e3e8af91d844dee3dc8ff8012c68f
- https://www.cnbc.com/2024/03/04/apple-hit-with-more-than-1point95-billion-eu-antitrust-fine-over-music-streaming.html