Bloomberg รายงานอ้างอิงแหล่งข่าววงในซึ่งเปิดเผยว่าทางบริษัท Apple Inc. ค่ายผู้ผลิตสมาร์ทโฟนชั้นนำระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา ตัดสินใจยกเลิกแผนการพัฒนาการผลิตยนต์ไฟฟ้า (EV) ของตนเองที่ดำเนินการมาอย่างยาวนานร่วมสิบปีของตนเอง สร้างความประหลาดใจให้กับพนักงานเกือบ 2,000 คนที่ทำงานในโครงการ EV ดังกล่าว
รายงานระบุว่า ทาง Jeff Williams ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ และ Kevin Lynch รองประธานที่รับผิดชอบโครงการ EV ได้กล่าวถึงการยกเลิกโครงการในจดหมายเวียนภายในเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (27 กุมภาพันธ์) โดยทั้งสองบอกกับบรรดาเจ้าหน้าที่ว่าโครงการ EV จะเริ่มทยอยปิดตัวลง และพนักงานหลายคนในทีมรถยนต์ หรือที่เรียกว่า Special Projects Group (SPG) จะถูกย้ายไปยังแผนกปัญญาประดิษฐ์ภายใต้การบริหารของ John Giannandrea โดยจะทำหน้าที่ในการพัฒนาโครงการที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี Generative AI ที่เริ่มก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อบริษัทมากขึ้นเรื่อยๆ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- Apple หลุดแผนเปิดตัวรถยนต์ไร้คนขับเต็มรูปแบบในปี 2025 ซึ่ง ‘Apple Car’ นี้อาจไม่มีทั้งพวงมาลัยและคันเร่ง
- ผ่านไป 7 ปี รถยนต์ Apple Car ยังไปต่อไหม? หลังกำลังจะเปลี่ยน ‘แม่ทัพ’ ผู้คุมโปรเจกต์เป็นคนที่ 5
อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่า ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ทุกคนที่จะสามารถย้ายไปทำงานในแผนก Generative AI อย่างวิศวกรฮาร์ดแวร์และนักออกแบบยานพาหนะหลายร้อยคน ทำให้มีความเป็นไปได้ที่ทาง Apple จะมีการเลิกจ้างงานล็อตใหญ่
จนถึงขณะนี้ทาง Apple ยังไม่มีการออกมาแสดงความเห็นต่อรายงานที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวดังกล่าวกลับสร้างความโล่งใจให้กับบรรดานักลงทุน โดยส่งผลให้หุ้นของ Apple ที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อวานนี้ (27 กุมภาพันธ์) ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นราว 1% ปิดที่ 182.63 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น
ขณะเดียวกันทางด้าน Elon Musk ซีอีโอและผู้ก่อตั้งแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า Tesla ได้ออกมาฉลองข่าวการตัดสินใจดังกล่าวของ Apple โดยเจ้าตัวได้โพสต์ผ่าน X ด้วยอีโมจิที่แสดงความเคารพและอีโมจิบุหรี่
รายงานระบุว่า การตัดสินใจดังกล่าวถือเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ของ Apple ในการยุติความพยายามมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐที่เรียกว่า Project Titan ซึ่งจะทำให้ Apple เข้าสู่อุตสาหกรรมใหม่โดยสิ้นเชิง โดย Apple เริ่มทำงานกับรถยนต์ประมาณปี 2014 โดยมุ่งเป้าไปที่รถยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบที่มีการตกแต่งภายในเหมือนรถลิมูซีนและระบบนำทางด้วยเสียง
แต่โปรเจกต์ดังกล่าวกลับประสบปัญหาเกือบตั้งแต่เริ่มต้น ตั้งแต่การเปลี่ยนตัวผู้รับผิดชอบโครงการหลายครั้ง บวกกับผลงานที่ยังคงไม่คืบหน้าเท่าที่ควร ทำให้บรรดานักลงทุนเริ่มกังวล เนื่องจากเห็นว่าโครงการ EV ของ Apple จะเป็นการลงทุนที่ผลาญเงินเกินจำเป็นและอาจได้ไม่คุ้มเสีย
ด้านผู้เชี่ยวชาญมองว่าขณะนี้ทาง Apple ยังต้องใช้เวลาอีกหลายปีในการผลิตรถยนต์และไตร่ตรองการออกแบบต่างๆ มากมาย นอกเหนือจากรูปลักษณ์ของยานพาหนะแล้ว เทคโนโลยีการขับขี่ด้วยตนเองยังเป็นความท้าทายที่สำคัญ ซึ่งทาง Apple ได้ทดสอบระบบบนท้องถนนมาตั้งแต่ปี 2017 โดยกว่าจะสำเร็จเสร็จสิ้น ตลาดรถ EV โลกก็น่าจะแข่งขันกันอย่างดุเดือดจนยากที่ Apple จะเข้าไปแทรกได้ และอาจถึงจุดที่ตลาดอิ่มตัวเรียบร้อยแล้ว
ด้าน Anurag Rana และ Andrew Girard สองนักวิเคราะห์จาก Bloomberg Intelligence กล่าวว่า ท้ายที่สุดแล้วการมุ่งเน้นไปที่ AI อาจเป็นทางออกที่ดีกว่าสำหรับ Apple โดยการยกเลิกรถยนต์ไฟฟ้าและเปลี่ยนทรัพยากรไปสู่การสร้างและพัฒนา Generative AI ถือเป็นการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ที่ดี เมื่อพิจารณาจากศักยภาพในการทำกำไรในระยะยาวของแหล่งรายได้ของ AI เมื่อเทียบกับรถยนต์ ที่ AI มีแนวโน้มที่ดีกว่าอย่างชัดเจน
อ้างอิง: