Apple ได้ตอบตกลงที่จะยุติคดีความกรณี ‘Batterygate’ ในกว่า 34 รัฐของสหรัฐอเมริกา ด้วยการจ่ายเงินชดเชยค่าเสียหายเพิ่ม รวมเป็นมูลค่ากว่า 113 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3,430 ล้านบาท หลังพวกเขาถูกฟ้องร้องจากผู้ใช้งาน iPhone หลายรายในช่วงปี 2017 เนื่องจากมีการตรวจพบว่า Apple ได้ใช้วิธีการลดประสิทธิภาพการทำงานของ iPhone ในรุ่นเก่าๆ ที่มีปัญหาแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ เพื่อให้การใช้งานของ iPhone โดยรวมยังทำได้อย่างราบรื่น และยืดอายุของแบตเตอรี่
ก่อนหน้านี้ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Apple ได้ตกลงที่จะจ่ายค่าปรับเป็นมูลค่ารวม 500 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 15,175 ล้านบาทมาแล้ว ในข้อพิพาทประเด็นเดียวกัน เพื่อชดเชยค่าเสียหายให้กับผู้ใช้งาน iPhone 6 และ 7 ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหา Batterygate
ทั้งนี้ คำตัดสินของศาลมองว่า Apple จงใจที่จะปกปิดปัญหาโดยที่รู้อยู่เต็มอก รวมถึงมองว่าบริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ รายนี้ยังได้รับประโยชน์แบบเต็มๆ จากการควบคุมประสิทธิภาพการทำงานของตัวเครื่องและแบตเตอรี่ เนื่องจากมีผู้ใช้งาน iPhone จำนวนไม่น้อยเข้าใจว่าตัวเองจะต้องซื้อ iPhone เครื่องใหม่ ในกรณีที่ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่เสื่อมสภาพ เพื่อหลีกเลี่ยงกรณีเครื่องดับแบบไม่ได้ตั้งตัว
นอกเหนือจากการที่ Apple จะต้องจ่ายค่าปรับเพิ่มเติมแล้ว ยังมีการเปิดเผยอีกด้วยว่า Apple จำเป็นจะต้องชี้แจงวิธีการที่พวกเขาใช้ในการจัดการหรือรับมือกับปัญหาแบตเตอรี่ใน iPhone ที่เสื่อมสภาพ ซึ่งสัมพันธ์และเชื่อมโยงกันกับการจัดการพลังงานในตัวเครื่อง iPhone ให้กับผู้ใช้งานทุกคน ทั้งผ่านช่องทางออนไลน์และผ่านตัว iPhone เครื่องนั้นๆ
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง:
- https://www.engadget.com/apple-gets-113-million-slap-on-the-wrist-for-batterygate-194323822.html
- https://www.theverge.com/2020/11/18/21573710/apple-battery-gate-throttle-iphones-settlement-amount
- https://www.cnet.com/news/apple-to-pay-113-million-settlement-over-its-iphone-batterygate-slowdowns/?ServiceType=twitter&ftag=COS-05-10aaa0b&UniqueID=D0F57A8A-29CD-11EB-B861-BD224D484DA4&TheTime=2020-11-18T18%3A42%3A31&PostType=link