ผ่านมาเกือบ 7 ปีแล้ว ที่ Apple บริษัทผลิตสมาร์ทโฟนชั้นนำของโลก พยายามสร้างและพัฒนารถยนต์ Apple Car ของตัวเอง โดยในปี 2015 แม่ทัพของ Apple อย่าง ทิม คุก กล่าวว่า เขาต้องการให้ผู้คนมี “ประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมในการใช้ iPhone ควบคู่ไปกับการใช้รถยนต์ของพวกเขา” และกล่าวเสริมว่า “เขาอยากทำให้ชีวิตของผู้คนทั้งภายนอกและภายในรถยนต์สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น” ซึ่งในขณะนั้นตลาดสมาร์ทโฟนมีความอิ่มตัว และรายได้ของ Apple มีการปรับตัวลดลง ส่งผลให้ Apple ต้องการสินค้าใหม่ๆ เพื่อช่วยดึงรายได้ของบริษัทกลับขึ้นมาอีกครั้ง โดยอาจเล็งไปที่ตลาดรถยนต์
จากรายงานข่าวของสำนักข่าว INSIDER VOICE เกี่ยวกับการพัฒนา Apple Car เปิดเผยว่าต้องใช้เวลาอีกมากในการพัฒนากว่าจะสามารถเปิดวางขายได้ โดยการทดสอบรถยนต์ไร้คนขับของ Apple มีการทดสอบไปแล้ว 19,000 ไมล์ในปีที่แล้ว ซึ่งถือว่ามีการทดสอบที่น้อยมากเมื่อเทียบกับการทดสอบของบริษัท Waymo บริษัทพัฒนารถยนต์ไร้คนขับภายใต้การดูแลของ Google และ Alphabet ที่มีการทดสอบไปแล้วถึง 630,000 ไมล์
รวมทั้งยังมีการปรับเปลี่ยนผู้นำโปรเจกต์ Apple Car หรือมีชื่ออย่างลับๆ ว่า ‘โปรเจกต์ไททัน’ (Project Titan) อย่าง ดัก ฟีลด์ อดีตผู้บริหารของ Tesla ที่เคยช่วยพัฒนา Tesla Model 3 ซึ่งกำลังจะออกจาก Apple ไปยังบริษัทรถยนต์อีกเจ้าอย่าง Ford นี่นับเป็นผู้นำโปรเจกต์ไททันคนที่ 4 ที่ถอนตัวออกจากโปรเจกต์นี้ โดย Bloomberg รายงานว่า เควิน ลินช์ ผู้ดูแลโปรเจกต์ด้าน Apple Health และ Apple Watch จะมารับช่วงต่อในโปรเจกต์ไททันนี้แทน
หากมองไปที่ตลาดรถยนต์ไร้คนขับ ก่อนหน้านี้นับเป็นตลาดที่ดึงดูดเหล่าผู้เล่นอย่างบริษัทเทคโนโลยีรุ่นใหม่อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นบริษัทเรียกรถยนต์อย่าง Uber และ Lyft ที่ก้าวเข้ามาแข่งขันในตลาดนี้เช่นเดียวกัน แต่ก็ถอนตัวออกไปเมื่อปีที่แล้ว นี่อาจแสดงให้เห็นถึงความยากลำบากในการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อก้าวเข้ามาเล่นในตลาดนี้
ทั้งนี้ อาร์นต์ เอลลิงฮอร์สต์ นักวิเคราะห์จาก Bernstein กล่าวว่า “ผมไม่เห็นว่า Apple จะมีข้อได้เปรียบทางเทคโนโลยีอะไรเลยที่จะสามารถแข่งในตลาดนี้ได้ ในตลาดนี้เทคโนโลยีที่จำเป็นจะเพิ่มความสามารถในการแข่งขันได้คือ เทคโนโลยีไร้คนขับที่ล้ำหน้า การที่ไม่มีข้อได้เปรียบทางเทคโนโลยีใดๆ ในตลาดที่มีความยากแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะสร้างเม็ดเงินในตลาดนี้”
“ผมไม่เห็นจะมีบริษัทรถยนต์เจ้าไหนรู้สึกกลัวกับการที่ Apple ก้าวเข้ามาเล่นในตลาดนี้เลย” กล่าวโดย ซาชา ออสตอจิก หุ้นส่วนปฏิบัติการกลุ่มบริษัทร่วมทุน Playground Global และอดีตวิศวกรรถยนต์ไร้คนขับของบริษัท GM
ถึงแม้ว่า Apple จะมีความเชี่ยวชาญในบริหารซัพพลายเชน มีแบรนด์ที่ดี และเป็นบริษัทที่โดดเด่นอย่างมากในการควบรวมซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์เข้าด้วยกัน แต่เมื่อมองไปยังพอร์ตโฟลิโอสินค้าทั้งหมดของบริษัท ก็ถือว่ายังไม่เห็นถึงความสามารถในการแข่งขันที่จะมาเทียบเคียงกับบริษัทรถยนต์ชั้นนำของโลกอย่าง Tesla ที่มีการพัฒนาแบตเตอรี่ไปไกลแบบก้าวกระโดด หรือบริษัทรถหรูอย่าง Mercedes และ BMW ในด้านความสามารถในการผลิตและการออกแบบภายในของรถยนต์ได้
แต่ใช่ว่าจะ Apple ไม่มีอะไรเลย บริษัทได้จดสิทธิบัตรเกี่ยวกับ Apple Car ไว้มากมาย ทั้งเทคโนโลยีที่เป็นไฟแสดงผลภายนอกตัวรถเป็นตัวอักษร, แสดงความเร็ว และไฟแจ้งเตือนอันตรายต่างๆ รวมทั้งยังมีระบบความปลอดภัยอย่างถุงลมที่สามารถเด้งออกมาจากหลังคาและจากเข็มขัดนิรภัยได้ นอกจากนั้นยังมีเซ็นเซอร์ภาพสำหรับระบบไร้คนขับ และการแจ้งเตือนสภาพจราจรติดขัด รวมถึงเทคโนโลยีเล็กๆ อย่างไฟที่ส่องสว่าง ทำให้ผู้ขับสามารถชาร์ตโทรศัพท์หรือวางแก้วกาแฟในเวลามืดได้
จะเห็นได้ว่าสิทธิบัตรต่างๆ ที่ Apple จดไว้ล้วนแล้วแต่เป็นเทคโนโลยีเสริมทั้งนั้น โดย มานูเอลา พาพาโดพอล ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยานยนต์ และเป็น CEO ของ Designated Driver บริษัทสตาร์ทอัพที่เน้นการควบคุมรถยนต์จากระยะไกล กล่าวว่า “Apple จะไม่ผลิตรถยนต์อย่างแน่นอน แต่ผมไม่ได้หมายความว่า Apple จะไม่เข้ามาเล่นในตลาดนี้ ผมมองว่าช่องทางสำคัญที่จะสร้างรายได้ให้ Apple ได้คือการออกแบบภายในรถยนต์ ไม่ใช่การผลิตรถยนต์ ซึ่ง Apple อาจจะทำกราฟิก AR ที่แสดงผลขึ้นมาตรงกระจกรถก็ได้ ผมมองว่าอันนี้แหละที่เป็นโอกาสและช่องทางของ Apple”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- สื่อคาด Apple จะลงทุน 1.08 แสนล้านบาทใน KIA ปิดดีล 17 ก.พ. นี้ เปิดตัว Apple Car ปี 2024 และอาจตั้งรองประธาน Porsche เข้ารับตำแหน่ง
- Hyundai ยันกำลังเจราจา Apple ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้ ดันหุ้นทะยาน 28%
อ้างอิง: