การปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหลังจากการประชุมธนาคารกลางของสหรัฐฯ (Federal Reserve System) ถูกพิสูจน์แล้วว่า เป็นการขึ้นเพียงแค่ระยะสั้น เพราะท้ายที่สุดแล้วหุ้นเหล่านี้ต่างปรับลดลงถ้วนหน้าในช่วงท้ายสัปดาห์ที่ผ่านมา
Apple Inc. และ Microsoft Corp. ซึ่งมีมูลค่าตลาดสูงสุด กลายเป็นหุ้นที่ลดลงมากที่สุด 2 อันดับแรก โดย Apple ลดลง 4.6% ซึ่งเป็นการลดลงรายสัปดาห์ที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์
Microsoft ตกลงไป 5.5% ซึ่งเป็นการลดลงรายสัปดาห์ที่มากที่สุดสำหรับผู้ผลิตซอฟต์แวร์ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2020 ขณะที่ Alphabet Inc. บริษัทแม่ของ Google ลดลง 4.2%
ความผันผวนของหุ้นเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลกเน้นย้ำถึงความกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงอัตราเงินเฟ้อของ Fed และการเติบโตทางเศรษฐกิจท่ามกลางการระบาดของโรคโควิดที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งสูงขึ้นอาจสร้างแรงกดดันต่อหุ้นที่มีมูลค่าสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากการเติบโตของกำไรหดตัวลง
อย่างไรก็ตาม Apple ยังคงเป็นหุ้นเทครายใหญ่ที่ชนะตลาดในเดือนที่ผ่านมา โดยราคาเพิ่มขึ้น 29% ตั้งแต่ต้นปี ซึ่งทำได้ดีกว่า S&P 500 และ Nasdaq 100 ขณะที่ Microsoft เพิ่มขึ้น 46%
ส่วน Meta Platforms Inc. ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Facebook นับเป็นบริษัทเดียวที่ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้ เมื่อเทียบกับบรรดาบริษัทที่ใหญ่ที่สุด 5 แห่งของสหรัฐฯ โดยราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 1.2%
จนถึงตอนนี้ความเสียหายส่วนใหญ่ในภาคส่วนเทคโนโลยีนั้นจำกัดอยู่ในหุ้นเทคที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะทำกำไรได้น้อยกว่า ดังนั้นจึงอ่อนไหวต่อแรงกดดันจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ซึ่งใช้เพื่อประเมินมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดในอนาคต
อ้างอิง: