ผ่านมาครึ่งทางเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับปี 2565 ตลอดปีที่ผ่านมามีเรื่องที่น่าจับตาและวิเคราะห์หลายมุมมองอยู่พอสมควร โดยเฉพาะภาพรวมของเศรษฐกิจประเทศที่ต้องยอมรับว่าปีนี้เป็นอีกปีที่ ‘อ่วมไม่เบา’ ทั้งภาวะเงินเฟ้อ สงครามรัสเซีย-ยูเครน โควิดที่ยังไม่จบ และค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นจนสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้คนในวงกว้าง
ขณะที่ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยปีนี้ แม้จะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจอยู่บ้าง แต่ก็ต้องยอมรับว่าบิ๊กอสังหาหลายรายยังคงคึกคัก เปิดตัวโครงการใหม่ๆ เสริมพอร์ตสอดรับการเปิดเมือง เปิดประเทศ กระตุ้นตลาดในเชิงภาพรวมอย่างต่อเนื่อง
หนึ่งในผู้เล่นที่น่าจับตาและเพิ่งประกาศมูฟเมนต์ที่น่าสนใจไปไม่นานคือ AP Thailand หรือ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) เพราะแม้จะครองส่วนแบ่งและการเป็นเจ้าตลาดบ้านทาวน์โฮมในเมืองมาอย่างเหนียวแน่นในตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แต่ AP ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด ตรงกันข้าม พวกเขาเตรียมกระทืบคันเร่ง เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้าสู่ตลาด พร้อมกลยุทธ์การเจาะตลาดรูปแบบใหม่อย่างต่อเนื่อง
THE STANDARD WEALTH สรุปประเด็นที่คุณต้องรู้จากงานแถลง AP THAILAND: TOWNHOME BUSINESS 2022 ที่ผ่านมาว่าแง่มุมใดบ้างที่เราต้องจับตา AP และประเด็นเหล่านั้นกำลังบอกอะไรกับเรา
ภาพรวมตลาดแนวราบยังคึกคัก ดีมานด์พุ่ง ปีนี้ AP ยังคงมาแรง สัญชาตญาณบอก!
อย่างที่บอกไปว่าแม้ AP จะมีส่วนแบ่งตลาดทาวน์โฮม 3 ชั้นในช่วง 3 ปีหลังสุด (2561-2564) มากที่สุดที่ 46% หรือคิดเป็นมูลค่ายอดขายรวม 11,040 ล้านบาท จากมูลค่าทั้งตลาดที่ 24,180 ล้านบาท ซึ่งต้องยอมรับว่าแบรนด์ ‘บ้านกลางเมือง’ ถือเป็นหัวหอกสำคัญที่ทำให้ AP ครองความเป็นเจ้าตลาดได้อย่างสง่าผ่าเผย
อย่างไรก็ตาม AP กลับไม่ได้นอนใจกับผลลัพธ์ดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย เพราะคู่แข่งหลายรายต่างก็กระโจนลงมาแข่งขันในสังเวียนนี้กันอย่างอึกทึก
ภาพรวมตลาดทาวน์โฮมในประเทศไทยในช่วง 4 ปีย้อนหลัง
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ AP โดย คุณเมธา รักธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าทาวน์โฮม (Chief Business Group Townhome) ได้ประกาศบิ๊กมูฟที่สำคัญจาก AP ออกมา เพื่อรองรับการขยายการเติบโตของกลุ่มธุรกิจทาวน์โฮมและดีมานด์ที่พุ่งพรวดจากผู้บริโภค
แม่ทัพทาวน์โฮม AP ระบุว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมาตลาดแนวราบโตต่อเนื่อง สังเกตได้จากตัวเลขการเติบโตของ AP ที่ตลอดระยะเวลา 5 เดือนแรกของปี 2565 ซึ่ง AP สามารถจำหน่ายโครงการแนวราบออกไปรวมเป็นเงินกว่า 16,810 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า (YoY) ถึง +23%
และหากเทียบกับเป้าหมายใหญ่สุดของปี 2565 ที่ AP วางไว้ว่าโครงการแนวราบจะสร้างยอดขายให้กับบริษัทที่ 38,000 ล้านบาท เท่ากับว่าปัจจุบัน AP เดินทางมาถึงครึ่งทาง หรือราว 44% แล้ว ถือว่าเป็นทิศทางการเติบโตที่น่าพึงพอใจเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้หากวัดในเชิงความสนใจต่อตัวโครงการแนวราบของ AP จะพบว่าตั้งแต่เปิดศักราช 2565 มีผู้บริโภคเดินทางแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมโครงการแนวราบของ AP ต่อสัปดาห์เฉลี่ยมากถึง 900-1,000 ครั้ง (No. of Visits per Week) สูงกว่าปีก่อนหน้าถึง 700 ครั้ง แม้จะมีผลมาจากการผ่อนคลายเกณฑ์การเปิดประเทศ แต่ในอีกมิติหนึ่งก็อาจบ่งชี้ได้ถึงเทรนด์ความสนใจที่กลุ่มผู้บริโภคมีต่อโครงการแนวราบ ซึ่งยังอยู่ในเกณฑ์ที่สดใส มีศักยภาพเป็นอย่างมาก
โดยสรุปภาพรวมตลาดทาวน์โฮมในปีนี้ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าทาวน์โฮม AP Thailand มองว่า ตลาดยังไม่เป็น Red Ocean มีโอกาสโตได้ต่อเนื่อง และดีมานด์จากลูกค้าก็ยังคงเพิ่มสูงต่อเนื่องตลอดเวลาเช่นกัน
มองกลับกัน เขาเชื่อว่าการที่ AP ที่รุกตลาดนี้มานานและเป็นเจ้าตลาด จะทำให้ประสบการณ์และความช่ำชองของการพัฒนาโปรดักต์ทาวน์โฮมโดย AP แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม ทั้งในมุมมองการเลือกซื้อที่ดิน ออกแบบฟังก์ชันบ้าน-ส่วนกลาง ให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้มากที่สุด
‘รุกแบบไม่ผ่อนคันเร่ง’ เปิดตัวเยอะที่สุด 29 โครงการทาวน์โฮม เท่าที่ AP เคยประกาศ!
จากทิศทางและเทรนด์ความสนใจที่มีต่อทั้งตลาดโครงการอสังหาแนวราบ AP จึงประกาศกลยุทธ์ในปีนี้ โดยได้ประกาศไว้ว่าภายในปี 2565 AP จะเปิดตัวโครงการทาวน์โฮมรวมกว่า 29 โครงการ มูลค่ารวม 25,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วมากถึง 6 เท่า (ปี 2564 AP เปิดทาวน์โฮมรวม 8 โครงการ ที่มูลค่ารวม 3,670 ล้านบาท)
การเปิดตัวโครงการทาวน์โฮมตลอดทั้งปี 2565 มากถึง 29 โครงการ ถือเป็นจำนวนโครงการเปิดใหม่มากที่สุดภายใน 1 ปีเท่าที่ AP เคยประกาศสร้าง และแม้แต่ตัวคุณเมธาก็ยอมรับว่าจังหวะการขยับในครั้งนี้นับเป็น ‘บิ๊กมูฟ’ ครั้งใหญ่ครั้งสำคัญที่ท้าทาย AP เป็นอย่างมาก
ภายใต้การประกาศเปิดตัว 29 โครงการของ AP สามารถจำแนกได้เป็นโครงการทาวน์โฮมจำนวน 4 แบรนด์ และโครงการบ้านแฝดอีก 2 แบรนด์ รวมทั้งหมดเป็น 6 แบรนด์
เริ่มต้นที่ ‘ทาวน์โฮม’ ประเด็นที่น่าสนใจคือการที่ปีนี้ AP จะหยิบเอาแบรนด์ ‘บ้านกลางเมือง CLASSE’ ทาวน์โฮมลักชัวรี ราคาเริ่มต้น 10-20 ล้านบาท มาปัดฝุ่นทำตลาดอีกครั้งในรอบ 7 ปี โดยมาคราวนี้ AP ตั้งใจจะจับ CLASSE มาแต่งตัวใหม่ให้ไฉไล และ ‘เข้าใจ’ ความต้องการในการอยู่อาศัยของผู้บริโภคที่กำลังมองหาบ้านหรูในเมืองได้ดีกว่าเก่า
สำหรับ CLASSE จะตั้งอยู่บนสุขุมวิท 77 เป็นโครงการทาวน์โฮมดีไซน์เล่นระดับ 3.5 ชั้น และ 3 ชั้น หน้ากว้าง 8 เมตร พื้นที่ใช้สอยรวม 259 ตารางเมตร จุดเด่นอยู่ที่การเน้นการออกแบบที่แตกต่างไปจากเดิม เน้นมุมมองการมองวิวที่เพิ่มขึ้นรอบทิศทางตัวบ้าน แต่ยังคงไว้ซึ่งความเป็นส่วนตัว (Ultimate Privacy)
กล่าวคือ บ้านของ CLASSE จะไม่ติดกับบ้านข้างๆ แบบกำแพงชิดติดกัน ซึ่ง AP จะยกสวนมาไว้ระหว่างพื้นที่บ้านสองหลังแทน เพิ่มวิวทิวทัศน์ที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็รักษาความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านทั้งสองหลังเอาไว้ โดยปักธงเปิดในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้
ถัดมาคือครั้งแรกในวงการอสังหาฯ กับการนำเสนอทาวน์โฮม 3 ชั้น ชูจุดขายเหนือคู่แข่ง ‘แบบบ้านที่คุณออกแบบเองได้’ ภายใต้แบรนด์ ‘บ้านกลางเมือง’ มอบประสบการณ์เหนือความคาดหมาย เพิ่ม ‘อิสระ’ ให้ลูกค้าได้ออกแบบสเปซฟังก์ชันในบ้านได้ตรงความต้องการจริงของแต่ละครอบครัว ซึ่งการพลิกโฉมครั้งนี้จะเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับ ‘บ้านกลางเมือง’ ที่จะไม่ได้เป็นเพียงที่อยู่อาศัย แต่ยัง Empower ให้ผู้อาศัยได้เลือกใช้ชีวิตตามความต้องการมากกว่าเดิม
รวมไปถึงการลุยปั้นแบรนด์ใหม่อย่าง ‘Pleno Town’ ที่ AP ไม่เคยเล่นตลาดนี้มาก่อน สนนราคาเริ่มต้นที่ 1.99-3 ล้านบาท
Pleno Town ถือเป็นความตั้งใจของ AP ที่จะช่วยเปิดโอกาสให้ลูกค้าใหม่ๆ สามารถเข้าถึงโครงการของ AP เป็นเจ้าของบ้านได้ง่ายขึ้นในราคาที่จับต้องได้ กับคุณภาพของบ้านในฉบับ AP ขณะเดียวกันก็ยังเป็นการเพิ่มเซกเมนต์ผลิตภัณฑ์บ้านทาวน์โฮมในพอร์ตของพวกเขาให้หลากหลายครอบคลุมทุกมิติ
Pleno Town จะเปิดตัวในปีนี้รวม 6 ทำเล ได้แก่ บางนา, ปิ่นเกล้า-สาย 5, เวสต์เกต, พระราม 2, ลำลูกกา-คลอง 5 และราชพฤกษ์ 345 มูลค่ารวม 5,530 ล้านบาท โดยโครงการแรกที่ประเดิมเปิดไปแล้วคือ Pleno Town บางนา ซึ่งผลตอบรับดีมาก ขายปิดหมด 2 เฟสภายใน 2 วันแรก (ต่อแห่งจะมีจำนวนยูนิตอยู่ที่ราว 200-300 ยูนิต)
ส่วนอีก 2 โครงการทาวน์โฮมที่เหลือที่ AP จะเปิดตัวด้วยในปีนี้คือ บ้านกลางเมือง ราคาเริ่มต้นที่ 5-7 ล้านบาท และ Pleno ราคาเริ่มต้นที่ 3-5 ล้านบาท
ขณะที่บ้านแฝดก็เป็นอีกหนึ่งเซกเมนต์ผลิตภัณฑ์ที่ AP จะให้ความสำคัญมากขึ้น โดยจะทำตลาดผ่านบ้านกลางเมือง THE EDITION ราคาเริ่มต้นที่ 7-9 ล้านบาท และ Grande PLENO ราคาเริ่มต้นที่ 4-6 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้พอร์ตโฟลิโอแนวราบและทาวน์โฮมของ AP แข็งแกร่งในทุกมิติ ครอบคลุมความต้องการ กำลังซื้อ และไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในทุกเซกเมนต์
สำหรับภาพรวมตลาดบ้านแฝดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา คุณเมธาระบุว่ากำลังเติบโตเป็นอย่างมาก ขณะที่ปีนี้ดีมานด์โดยรวมก็เติบโตมากขึ้นถึง +30% จุดนี้เองที่เป็นสาเหตุให้ AP ตั้งเป้าและโฟกัสที่จะรุกหนักบ้านแฝดในปีนี้ด้วยการส่ง บ้านกลางเมือง THE EDITION และ Grande PLENO มาลุย
โดยสรุป AP จะรุกตลาดแนวราบผ่านการเปิดตัวทาวน์โฮมในปีนี้รวมทั้งสิ้น 29 โครงการผ่าน 6 แบรนด์หลัก ประกอบไปด้วย
- CLASSE – กลับมาทำตลาดครั้งแรกในรอบ 7 ปี เจาะตลาดลักชัวรีด้วยบ้านแฝดวิวใหม่ 3.5 ชั้น เปิดตัวไตรมาส 3 นี้ที่สุขุมวิท 77
- บ้านกลางเมือง – ที่เป็นเจ้าตลาดทาวน์โฮม 3 ชั้นอยู่แล้ว จะรุกหนักต่อเนื่อง นำเสนอจุดขายใหม่ แบบบ้านที่คุณออกแบบเองได้ ไม่ผ่อนแน่นอน
- บ้านกลางเมือง THE EDITION – เช่นเดียวกันกับบ้านกลางเมืองที่ยังคงไม่ผ่อนคันเร่ง
- Grande PLENO – บ้านแฝด 2 ชั้น เปิดตัวทำเลใหม่ 3 แห่งในปีนี้
- Pleno – ต่อยอดความสำเร็จทาวน์โฮม 2 ชั้น ด้วย 10 ทำเลไฮไลต์
- Pleno Town – แบรนด์ทาวน์โฮมใหม่ในราคาที่เข้าถึงง่าย เจาะตลาดที่กว้างขึ้น ขยายฐานเริ่มต้นให้เข้าถึงได้ เปิดตัวปีนี้ 6 โครงการ ปีหน้าอีก 2 โครงการ
ขณะที่กลยุทธ์ที่ AP จะเน้นหนักมากเป็นพิเศษ จะจำแนกออกเป็น 3 ข้อหลัก คือ
- พัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมามากกว่า 20 โมเดล ครอบคลุมกว่า 6 แบรนด์ ภายใต้แกนหลัก Unlock Vertical Life ปลดล็อกความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย ผ่านผลิตภัณฑ์ที่ถูกออกแบบขึ้นมาใหม่ด้วยแนวคิดแบบไม่ปิดกั้น
- ลุยหนักตลาดบ้านทาวน์โฮมโซนชานเมือง พร้อมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ Pleno Town เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้มากขึ้น
- กระโจนลงสังเวียนตลาดใหม่ๆ ที่กำลังเติบโต เช่น กรณีของตลาดบ้านแฝด ด้วยแบรนด์บ้านกลางเมือง THE EDITION และ Grande PLENO
จากทั้งหมด 29 ทาวน์โฮมใหม่ที่เปิดตัวในปีนี้ จะเห็นว่า AP วางการกระจายตัวครอบคลุมทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑลมากๆ โดยวางไทม์ไลน์การเปิดตัวไว้ชัดเจนตามโรดแมปบนที่ดินที่ AP เป็นเจ้าของเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งจะเน้นหนักเป็นพิเศษในช่วงไตรมาส 2-3 ที่จะเปิดรวมกว่า 20 โครงการ มูลค่า 19,380 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 70% ของโครงการทั้งหมดที่ AP จะเปิดตัวภายในปีนี้
โดยที่แม่ทัพใหญ่อย่างคุณเมธามั่นใจและยืนยันว่า AP จะสามารถเปิดทุกโครงการได้ทันตามแผนที่ได้วางเอาไว้ และ ณ ปัจจุบันก็ได้มองไปข้างหน้าถึงแผนการซื้อที่ดินในปีหน้าเป็นที่เรียบร้อย
คุณเมธา รักธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าทาวน์โฮม (Chief Business Group Townhome) AP Thailand
‘Unlock Vertical Life’ แนวคิดที่ทำให้ AP สามารถปั้นผลิตภัณฑ์ขึ้นมาครองใจคนอยู่ได้สำเร็จ
จากที่ประกาศมาข้างต้นว่า AP จะลุยเปิดทาวน์โฮมต่อเนื่องมากถึง 29 โครงการในปีนี้ เพื่อสร้างแต้มต่อในเชิงการแข่งขันตลาดแนวราบ ยึดโยงความเป็นผู้นำในตลาดทาวน์โฮม และตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคได้อย่างอยู่หมัด แต่ทั้งหมดทั้งมวลอาจไม่มีทางเกิดขึ้นได้จริงเลยหากขาดซึ่ง ‘วิธีการทำงาน’ ที่คล่องตัว ไม่หยุดเรียนรู้และพัฒนาอะไรใหม่ๆ ออกมาอยู่ตลอดเวลา
ซึ่งพันธกิจหลักในการทำงานของบริษัท AP ก็คือ ‘Empower Living ชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้’ คือเข็มทิศสำคัญที่ AP ยึดถือเป็นอย่างมาก เน้นหนักเป็นพิเศษ ส่วน ‘Unlock Vertical Life’ ที่มีความหมายว่าพื้นที่ชีวิตแนวตั้งที่เลือกเองได้ เป็นแนวทางในการพัฒนาทาวน์โฮมรูปแบบใหม่ที่ AP มุ่งหวังจะยึดถือเป็นแนวทางเพื่อปลดล็อกกระบวนยุทธ์การทำงานจากรูปแบบเดิมๆ ปรับตัวมาพัฒนาโครงการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ผู้อยู่อาศัยให้ทันท่วงที ในแบบที่พวกเขาสามารถเลือกที่จะใช้ชีวิตดีๆ ในแบบที่ต้องการได้ด้วยตนเอง
ดังนั้นในยามที่ AP จะพัฒนาโครงการใดๆ ออกมาก็ตาม พวกเขาจะพยายาม Up to Date ในการไม่หยุดนิ่งที่จะทำความเข้าใจ ศึกษาความต้องการของลูกค้า เพื่อพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ จุดนี้เองเป็นจุดแข็งสำคัญที่ทำให้ AP แตกต่างจากแบรนด์อสังหาเจ้าอื่นๆ และทำให้ตัวเองสามารถเข้าไปนั่งในใจผู้บริโภคและยึดหัวหาดการเป็นผู้นำได้อย่างสม่ำเสมอ สร้างความแตกต่างที่เป็นจุดแข่งโดดเด่นเหนือคู่แข่งได้ไม่หยุดยั้ง ตัวอย่างเช่น การทำส่วนกลาง ฟิตเนสให้เปิดต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง ตอบสนองพฤติกรรมผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไป
ถึงกระนั้นก็ดี สถานการณ์เศรษฐกิจเงินเฟ้อ ทั้งปัจจัยเรื่องราคาวัสดุก่อสร้าง และน้ำมันพุ่งสูงขึ้น ก็เป็นปัจจัยเชิงลบที่น่ากังวลกับเทรนด์การเติบโตของตลาดอสังหาฯ ที่จะมองข้ามไม่ได้เป็นอันขาด
คุณเมธายอมรับว่าปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ ต้นทุนที่สูงขึ้น คงส่งผลกระทบสำคัญทำให้ราคาโครงการแต่ละแห่งเพิ่มสูงขึ้นอย่างลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่อย่างไรก็ดี ทีมงาน AP ยังคงจับตาภาพรวมทั้งตลาดอยู่ตลอดเวลาว่าราคาที่เพิ่มขึ้นของโครงการ AP อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมหรือเปล่า ไม่หยุดทำการบ้านว่าอะไรบ้างที่ ‘จะปรับแต่ไม่เปลี่ยน’ หรือส่งผลกระทบเชิงลบกับความเป็นอยู่ของลูกบ้าน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อให้ราคาโครงการยัง Competitve แข่งกับทั้งตลาดได้
อีกหนึ่งส่วนที่ถือเป็นกลยุทธ์ที่จะทำให้ AP สามารถรับมือกับปัญหาข้างต้นได้คือ ‘SCALE & VOLUME’ ซึ่งการที่พวกเขาเปิดตัวโครงการทาวน์โฮมมากกว่า 29 แห่ง เน้นสร้างยูนิตที่ขยายขึ้น ก็ทำให้อำนาจต่อรองกับทางซัพพลายเออร์หรือผู้รับเหมามีส่วนช่วยให้สามารถควบคุมราคาหรือต้นทุนการผลิตได้นั่นเอง
จริงอยู่ที่ว่าปี 2565 อาจจะไม่ใช่ปีที่ง่ายสำหรับตลาดอสังหา แต่การที่ AP ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ไม่หยุดพัฒนาโปรดักต์ใหม่ๆ ภายใต้แนวคิดที่ปรับเปลี่ยน เพื่อให้สอดรับความต้องการของผู้อยู่อาศัย เทรนด์ความเป็นอยู่ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นเจ้าตลาดอยู่แล้วก็ตาม สิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้มูฟเมนท์ของ AP เต็มไปด้วยความหนักแน่น มั่นคง และน่าจับตาเป็นที่สุด
#APThai #APTownhome #ชีวิตดีๆที่เลือกเองได้