ราคาหุ้นของ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) ดิ่งลงแรง 8.40% มาอยู่ที่ 27.25 บาท เมื่อวันจันทร์ที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา หลัง บจก.คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี (King Power) ส่งหนังสือขอยกเลิกสัญญาประกอบธุรกิจร้านค้าปลอดอากร (Duty Free) ใน 5 สนามบินหลัก ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ และหาดใหญ่
การยกเลิกสัญญานี้อาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของ AOT มากถึง 30-35% ของรายได้รวม แต่เบื้องหลังการตัดสินใจของ King Power สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาสุขภาพทางการเงินที่น่าติดตาม
THE STANDARD WEALTH ชวนสำรวจผลประกอบการและสถานะทางการเงินของ King Power Duty Free ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักของเครือ King Power ก่อนจะมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่นี้
สัญญาณเตือนแรก: หนี้ค้างจ่าย AOT พุ่ง
หนึ่งในสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดคือตัวเลข ‘ลูกหนี้ไม่หมุนเวียน’ ในงบการเงินของ AOT ที่พุ่งสูงขึ้นจากราว 800 ล้านบาทช่วงกลางปี 2024 ไปแตะ 5,700 ล้านบาทในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน โดยในจำนวนนี้เป็นเงินส่วนแบ่งผลประโยชน์ที่ King Power ค้างจ่ายอยู่ถึง 4,000 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาในการชำระหนี้ที่เริ่มส่งผลกระทบต่อนักลงทุนจนเทขายหุ้น AOT อย่างหนัก ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงถึง 54.39% นับจากต้นปี (YTD)
เจาะลึก 3 ตัวชี้วัดการเงินของ King Power
เมื่อมองลึกลงไปที่งบการเงินของ King Power เอง พบตัวเลขที่น่ากังวลหลายประการ:
- หนี้สินหมุนเวียน (Current Liabilities): หนี้สินระยะสั้นของ King Power พุ่งขึ้นแตะ 13,813 ล้านบาทในปี 2023 จาก 5,686 ล้านบาทในปี 2022 แม้ตัวเลขที่เคยสูงถึง 7,370 ล้านบาทในปี 2021 จะเป็นผลมาจากสถานการณ์โควิด แต่การที่หนี้สินกลับมาพุ่งสูงอีกครั้งในช่วงที่การท่องเที่ยวฟื้นตัวแล้ว ถือเป็นสัญญาณที่น่ากังวลต่อความสามารถในการชำระหนี้
- อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio): ตัวเลขนี้บ่งชี้ความเสี่ยงทางการเงินในปี 2023 D/E Ratio ของ King Power อยู่ที่ 10.22 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่สูงมาก (เทียบเท่ากับธุรกิจสถาบันการเงิน) และสูงกว่าช่วงวิกฤตโควิดที่เคยอยู่ที่ 94.46 (ตัวเลขปี 2021 เป็นกรณีพิเศษจากการปรับโครงสร้างทางบัญชี) ตัวเลขนี้ตอกย้ำถึงภาระหนี้ที่สูงจนน่ากังวล
- อัตราส่วนทุนหมุนเวียน (Current Ratio): ใช้วัดสภาพคล่องในการชำระหนี้ระยะสั้น โดยค่าที่ต่ำกว่า 1 หมายถึงความเสี่ยง ในปี 2023 Current Ratio ของ King Power อยู่ที่ 0.99 เท่า ซึ่งหมายความว่าบริษัทมีสินทรัพย์หมุนเวียนไม่เพียงพอสำหรับชำระหนี้สินหมุนเวียนทั้งหมด ซึ่งสอดคล้องกับปัญหาการค้างชำระหนี้ต่อ AOT ที่ปรากฏให้เห็น
ท้ายที่สุดคงต้องติดตามว่า King Power และ AOT จะเจรจาต่อรองเรื่องหนี้สินที่ค้างชำระและเงื่อนไขสัญญาฉบับใหม่กันอย่างไร ซึ่งจะส่งผลต่ออนาคตของทั้งสองบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ
ภาพประกอบ: พรวลี จ้วงพุฒซา
อ้างอิง: