เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวานนี้ (21 พฤศจิกายน) บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) รายงานขาดทุนสุทธิ 1.3 พันล้านบาท ใน 4QFY65 (กรกฎาคม-กันยายน 2565) หากตัดรายการพิเศษที่ส่วนใหญ่เป็นขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ออกไป พบว่าบริษัทมีขาดทุนปกติ 1.0 พันล้านบาท ดีขึ้นจากขาดทุนปกติ 4.2 พันล้านบาท ใน 4QFY64 และ 2.4 พันล้านบาท ใน 3QFY65 โดยได้รับการสนับสนุนจากรายได้ที่แข็งแกร่ง
สำหรับปี FY2565 (ตุลาคม 2564 – กันยายน 2565) AOT รายงานขาดทุนสุทธิ 1.1 หมื่นล้านบาท หากตัดรายการพิเศษออกไป พบว่าบริษัทมีขาดทุนปกติ 1.01 หมื่นล้านบาท ลดลงจากขาดทุนปกติ 1.53 หมื่นล้านบาท ในปี FY2564
รายการที่สำคัญในผลประกอบการ
- ใน 4QFY65 AOT รายงานจำนวนผู้โดยสารทั้งหมด 17.4 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 29%QoQ, 51% ของระดับก่อนเกิดโควิด) ซึ่งประกอบด้วยผู้โดยสารภายในประเทศ 9.9 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 6%QoQ, 74% ของระดับก่อนเกิดโควิด) และผู้โดยสารระหว่างประเทศ 7.4 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 83%QoQ, 36% ของระดับก่อนเกิดโควิด) จากการผ่อนคลายข้อจำกัดการเดินทางของประเทศไทย
- รายได้อยู่ที่ 6.6 พันล้านบาท ใน 4QFY65 เพิ่มขึ้นมาก YoY และ 40%QoQ รายได้ค่าบริการผู้โดยสาร (38% ของรายได้) เพิ่มขึ้น 63%QoQ สู่ 2.5 พันล้านบาท และรายได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์ (27% ของรายได้) เพิ่มขึ้น 45%QoQ สู่ 1.7 พันล้านบาท
- หลังจากขาดทุนมาตั้งแต่ 3QFY63 AOT กลับมารายงาน EBITDA เป็นบวกได้ครั้งแรกที่ 1.5 พันล้านบาท ใน 4QFY65
กระทบอย่างไร:
วันนี้ (ณ 12.30 น.) ราคาหุ้น AOT ปรับลดลง 1.67%DoD อยู่ที่ระดับ 73.50 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลดลง 0.03%DoD อยู่ที่ระดับ 1,618.38 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี FY2566:
จำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศในปี FY2565 ของ AOT ที่ 13.9 ล้านคน สูงกว่าสมมติฐานเดิม (9 ล้านคน) ดังนั้น InnovestX Research จึงปรับสมมติฐานจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นสู่ 54 ล้านคนในปี FY2566 (เพิ่มขึ้น 8%) และ 76 ล้านคนในปี FY2567 (เพิ่มขึ้น 7%) ส่งผลให้ปรับประมาณการกำไรปกติ เพิ่มขึ้นสู่ 1.5 หมื่นล้านบาท ในปี FY2566 (เพิ่มขึ้น 7%) และ 2.7 หมื่นล้านบาท ในปี FY2567 (เพิ่มขึ้น 5%)
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน InnovestX Research ให้เรตติ้ง Outperform สำหรับ AOT ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อ้างอิงวิธี DCF ที่ปรับใหม่เป็น 82 บาทต่อหุ้น (เพิ่มขึ้นจาก 75 บาทต่อหุ้น) หลังจากปรับประมาณการผลประกอบการ
อย่างไรก็ดี โมเมนตัมจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศของ AOT แข็งแกร่งขึ้นต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้นสู่ 53% ของระดับก่อนเกิดโควิด ในวันที่ 1-19 พฤศจิกายน (เทียบกับ 44% ในเดือนตุลาคม) จึงคาดว่าขาดทุนปกติจะลดลงอย่างต่อเนื่องใน 1Q-2QFY66 (ตุลาคม 2565 – มีนาคม 2566) และหลังจากนั้นจะพลิกกลับมาทำกำไรได้ใน 3QFY66 (เมษายน-มิถุนายน 2566) โดยได้แรงหนุนจากการสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือสายการบินและผู้ประกอบการเชิงพาณิชย์ (31 มีนาคม 2566) และการกลับมาเก็บค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำต่อผู้โดยสาร
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะทำให้ความต้องการเดินทางลดลง และนักท่องเที่ยวจากจีนฟื้นตัวช้า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- คัด 10 หุ้นราคาต่ำ 10 บาท P/E ต่ำ ปันผลสูง ราคา YTD ยังบวก
- ทองคำ กำลังไหลเข้าเอเชีย ท่ามกลางดอกเบี้ยโลกที่กำลังขึ้นต่อเนื่อง
- เงินบาทอ่อนค่าทะลุ 37 บาทต่อดอลลาร์เป็นที่เรียบร้อย ทำสถิติต่ำสุดในรอบ 16 ปี