เกิดอะไรขึ้น:
SCBS ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวแนวโน้มผลประกอบการ 4QFY64 (กรกฎาคม-กันยายน 2564) ของ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) ซึ่งคาดว่าจะประกาศในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2564
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น AOT ปรับตัวขึ้น 4.0%MoM สู่ระดับ 64.50 บาท เทียบกับ SET Index ที่ปรับตัวลง 0.2%MoM สู่ระดับ 1,613.78 จุด (ข้อมูล ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564)
มุมมองระยะสั้น:
SCBS คาดว่า AOT จะรายงานผลประกอบการ 4QFY64 มีผลขาดทุนปกติที่ 3.91 พันล้านบาท ทรงตัวจากขาดทุนปกติ 3.7 พันล้านบาทใน 3QFY64 แต่แย่กว่าขาดทุนปกติ 2.59 พันล้านบาทใน 4QFY63 โดยมีสาเหตุหลักๆ มาจากจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน ~90% ของรายได้ก่อนโควิดระบาด
โดยใน 4QFY64 จำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศจำนวน 3.08 แสนคน เพิ่มขึ้น 60%YoY และ 28%QoQ เนื่องจากประเทศไทยกลับมาเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้ง (เริ่มต้นที่ภูเก็ตตั้งแต่เดือนกรกฎาคม)
นอกจากนี้ AOT ยังมีการรับรู้ค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจากการนำมาตรฐานรายงานทางการเงิน TFRS 16 มาปรับใช้
มุมมองระยะยาว:
SCBS มองว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยจะได้รับการสนับสนุนจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย ซึ่งรวมถึงโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง 3 สนามบิน (สุวรรณภูมิ ดอนเมือง และอู่ตะเภา) และสนับสนุนกิจกรรมทางธุรกิจที่โครงการขนาดใหญ่ของประเทศไทย คือ โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
ทั้งนี้ ในปี FY2565 SCBS ยังคงประมาณการผลประกอบการของ AOT ว่าจะมีผลขาดทุนปกติลดลงจาก 1.5 หมื่นล้านบาทในปี FY2564 สู่ระดับ 9.4 พันล้านบาทในปี FY2565 และพลิกกลับมามีกำไรปกติจำนวน 1.6 หมื่นล้านบาทในปี FY2566 โดยอิงกับสมมติฐานจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศที่ 9 ล้านคนในปี FY2565 (จาก 0.9 ล้านคนในปี FY2564)
จากนั้นจะเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดสู่ 50 ล้านคนในปี FY2566 เนื่องจากความต้องการเดินทางไปต่างประเทศ โดยเฉพาะในระยะเริ่มแรกในปี FY2565 นั้นยังไม่มีความแน่นอน โดยเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม AOT ได้ประกาศเป้าหมายจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศที่ 26.3 ล้านคนในปี FY2565 และ 65.9 ล้านคนในปี FY2566
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP