×

อนุทินตามความคืบหน้า หลังไทย-กัมพูชาลงนามข้อตกลง 4 ข้อ หวังเห็นผลรูปธรรม ย้ำไม่มีอะไรที่ปิดบัง และให้ทุกคนทราบความจริง

โดย THE STANDARD TEAM
28.10.2025
  • LOADING...
อนุทินตามความคืบหน้า หลัง ไทย-กัมพูชาลงนามข้อตกลง 4 ข้อ หวังเห็นผลรูปธรรม ย้ำไม่มีอะไรที่ปิดบัง และให้ทุกคนทราบความจริง

วันนี้ (28 ตุลาคม) เวลา 11.15 น. ตามเวลาท้องถิ่น กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการให้สัมภาษณ์ของ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ภายหลังการหารือทวิภาคีกับ ฮุน มาแนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ดังนี้

 

นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ว่า ไทยและกัมพูชาได้หารือกัน เพื่อเร่งให้การดำเนินการตามปฏิญญาที่ได้ลงนามไว้ทั้ง 4 ข้อ เดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว โดยได้เริ่มถอนอาวุธหนักตั้งแต่วันแรกที่มีการลงนาม นายกรัฐมนตรีได้ย้ำกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาว่า “อย่าให้เป็นเพียงสัญลักษณ์ ต้องเร่งดำเนินการถอนอาวุธอย่างเป็นรูปธรรม และจริงจังด้วยความรวดเร็ว” ทั้งนี้ เพื่อที่ไทยจะได้ส่งคืนตัวทหารกัมพูชา 18 นาย ที่อยู่ในการควบคุมให้กลับไปยังกัมพูชา

 

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงประเด็นการเก็บกู้วัตถุระเบิดว่า ได้ขอให้ฝ่ายกัมพูชาให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เพื่อดำเนินการด้วยความรวดเร็ว โดยส่วนใหญ่ไทยจะเป็นผู้เก็บกู้ เพราะอยู่ในเขตของไทย โดยมีผู้ร่วมสังเกตการณ์เป็นผู้แทนประเทศในกลุ่มอาเซียนร่วมอยู่ด้วย

 

ในส่วนของการปราบปรามสแกมเมอร์ นายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า ตำรวจไทยและตำรวจกัมพูชาได้ประชุมร่วมกัน เพื่อหาแนวทางปราบปรามและป้องกัน รวมทั้งจะร่วมมือกันในการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทุกรูปแบบ ไม่เพียงแค่สแกมเมอร์ แต่ยังรวมถึงการหลอกลวงออนไลน์ และการหลอกลวงคนไปกักกันหรือทำร้ายด้วย

 

นายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทยจะตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา เพื่อติดตามการดำเนินการตามข้อตกลงทั้ง 4 ข้อ โดยมีผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นประธาน ซึ่งเมื่อเช้านี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้โทรรายงานแล้วว่า ทุกอย่างได้ดำเนินการไปตามขั้นตอนและระยะเวลาที่ควรจะเป็นด้วยความเรียบร้อย จากการพูดคุยกัน ทั้งสองฝ่ายได้ทำความเข้าใจว่าหากส่วนใดยังมีข้อสงสัย ขอให้แจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการโดยเร็วที่สุด

 

นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงถึงการให้สัมภาษณ์กรณีไทยรุกล้ำกัมพูชาว่า เป็นการตกคำว่า ‘พื้นที่อ้างสิทธิ์’ ซึ่งเป็นคำอย่างเป็นทางการ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีทั้งคนไทยและคนกัมพูชาอาศัยอยู่ ดังนั้น การดำเนินการเรื่องนี้ต้องมีหลักความยุติธรรม และขณะนี้ยังไม่มีการหารือเรื่องการเปิดด่านจนกว่าการดำเนินการทั้งหมดจะแล้วเสร็จ หากทั้ง 4 ข้อได้รับการปฏิบัติและดำเนินการด้วยความเรียบร้อย ก็จะได้พูดคุยเรื่องการพัฒนาความสัมพันธ์ต่อไป

 

“ต้องขอความกรุณาว่า การทำงานต้องมีหลาย ๆ เรื่อง และเป็นเรื่องที่ต่อเนื่องกัน ผู้สื่อข่าวถามอะไรที่ผมตอบได้ ผมก็ตอบ ไม่มีอะไรที่ปิดบัง และอยากให้ทุกคนได้รับทราบข้อมูลที่เป็นความจริง จะได้ไม่มีการคาดเดา และพูดออกมาโดยใช้โซเชียลมีเดีย พยายามเปิดเผยกับประชาชนให้ได้มากที่สุด” นายกรัฐมนตรีกล่าวทิ้งท้าย

 

สิริพงศ์ยังได้ชี้แจงเพิ่มเติมถึงการนำเสนอบทสัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ ที่ว่ามีการกล่าวว่าไทยรุกล้ำกัมพูชา และกัมพูชารุกล้ำไทยนั้น อาจทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน เนื่องจากอาจมีการนำเสนอไม่ครบถ้วนทั้งบริบทของการให้สัมภาษณ์ หรืออาจมีบางคำที่ทำให้ประชาชนรู้สึกไม่สบายใจ จึงขอขยายความ โดยคำนึงถึงบริบทสถานการณ์ที่แท้จริงว่า นายกรัฐมนตรีต้องการให้มีการบริหารจัดการสถานการณ์ชายแดน เพื่อให้เกิดความชัดเจนอย่างแท้จริง

 

โดยยึดหลักอธิปไตยไทย ศักดิ์ศรี และความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และชีวิตประชาชนในพื้นที่ บนหลักของความเป็นธรรม และในวันนี้ นายกรัฐมนตรีได้ให้ความหมายเพิ่มเติมว่า พื้นที่ที่กล่าวถึง คือพื้นที่ที่มีการอ้างสิทธิ์ซึ่งกันและกัน จึงขอใช้โอกาสนี้ทำความเข้าใจกับประชาชนผู้รักแผ่นดินไทย และยืนยันว่ารัฐบาลจะทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งในประเด็นไทย-กัมพูชา

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising