วันนี้ (17 กุมภาพันธ์) ที่อาคารรัฐสภา อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข อภิปรายชี้แจงกรณี วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยระบุว่า น่าผิดหวังอย่างยิ่งที่มีการนำข้อมูลอันเป็นเท็จมาอภิปรายในสภา แทนที่จะให้กำลังใจหมอ พยาบาล ที่ทำงานอย่างหนัก กลับกล่าวพาดพิงโจมตี
ในเรื่องของวัคซีน อนุทินยืนยันว่าประเทศไทยจะได้วัคซีนโควิด-19 ล็อตแรก 2 แสนโดส ในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 และจะได้อีก 8 แสนโดส และอีก 1 ล้านโดส ในเดือนต่อๆ มา และภายในเดือนพฤษภาคมหรืออาจจะเดือนมิถุนายน ไทยจะได้วัคซีนล็อตใหญ่จากบริษัท AstraZeneca ซึ่งผลิตในประเทศไทย และจะบริการกับคนไทยอย่างครบถ้วน
อนุทินกล่าวอีกว่า เรื่องวัคซีนโควิด-19 ทางกระทรวงสาธารณสุขและนายกรัฐมนตรีไม่เคยเพิกเฉยเลย แต่ได้มอบหมายให้สถาบันวัคซีนไปดูแลจัดการ และสนับสนุนงบประมาณไปแล้วประมาณ 3 พันล้านบาท นับตั้งแต่มีโควิด-19 ระบาดมา คณะกรรมการชุดต่างๆ ตัดสินใจเรื่องต่างๆ บนพื้นฐานหลักวิชาการ นอกจากนั้นยังได้ให้ความสำคัญกับการสร้างขวัญกำลังใจคนปฏิบัติงาน มีการจ่ายค่าตอบแทนพิเศษให้อสม. รวมไปถึงการบรรจุข้าราชการใหม่ ทั้งหมดผ่านความเห็นชอบและการสนับสนุนจากนายกฯ กลับมาที่เรื่องวัคซีนของ AstraZeneca ผู้อภิปรายวิพากษ์วิจารณ์ กล้าพูดไหม ว่ามันไม่ดี มันไม่แย่
ทางผู้ผลิตจากฝั่งยุโรปเจรจากับไทย และทางนั้นเป็นฝ่ายพิจารณาว่าการให้สิทธิ์การผลิตแก่ไทยจะเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติและกลุ่มประเทศอาเซียน มีคำถามว่าทำไมไม่เปิดโอกาสให้ผู้ผลิ ได้ไปพูดคุยกับโรงงานอื่นของบริษัทอื่นในไทย ขอย้ำว่าไม่เคยมีการล็อกสเปก และให้ผู้ผลิตวัคซีนโควิด-19 ได้พูดคุยกับฝ่ายอื่นๆ แต่สุดท้ายทางนั้นก็เลือกบริษัทหนึ่งของไทยเป็นผู้ผลิต เป็นการหารือระหว่างฝ่ายเอกชน
ทั้งนี้ต่อข้อสงสัยว่า ทำไมไทยต้องเลือกแบรนด์จากอังกฤษ คำตอบคือ ไทยติดตามความคืบหน้าเรื่องวัคซีนจากผู้ผลิตหลายต่อหลายทีม แต่ของผู้ผลิตรายนี้ ไทยมั่นใจว่าจะทำได้สำเร็จและมีความเหมาะสมกับไทย สุดท้ายการที่เราเลือกผู้ผลิตรายนี้ เพราะทางนั้นไม่ได้เน้นเรื่องกำไร หลักการคือ No Profit No Loss
ย้อนกลับไปเดือนพฤศจิกายน 2563 ประเทศไทยเป็นประเทศที่ดูแลการระบาดได้ดี ทุกอย่างเป็นไปตามแผน แต่เมื่อมีการระบาดรอบใหม่ก็ต้องปรับแผน นำมาซึ่งการหารือกับทีมผู้ผลิตจากประเทศจีน เพราะทางผู้ผลิตรายนี้มีความสามารถส่งวัคซีนให้ไทยได้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ระหว่างนั้นได้คุยกับผู้ผลิตเจ้าอื่น แต่เวลาส่งมอบนั้นไม่สอดคล้องกับความต้องการของไทย วันนี้สามารถพูดได้เต็มปากว่าไทยมี วัคซีน 63 ล้านโดสแล้ว จากการบริหารจัดการวางแผนเป็นระบบ และเดินไปข้างหน้าอยางมั่นคง
“การที่ไทยมีโรงงานผลิตวัคซีน จะทำให้ไทยเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่จะเป็นศูนย์ผลิตวัคซีน และจะกระจายไปในภูมิภาคนี้ ทั้งหมดอยู่ในสัญญา มันเป็นเรื่องน่าภูมิใจ ทั้งนี้ การทำงานการเมือง ขอให้ผู้อภิปรายสื่อสารอยู่บนข้อเท็จจริง ขอให้ช่วยกัน ขอให้ทำงานการเมืองสร้างสรรค์ มิใช่เพียงโจมตีอีกฝ่ายแบบไม่ทราบข้อมูลที่ถูกต้อง” อนุทินกล่าว
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล