วันนี้ (2 กุมภาพันธ์) ที่ทำเนียบรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงประเด็นในการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยระบุว่า
ตามแผนเดิมไทยจะได้รับวัคซีนภายในเดือนมิถุนายน 2564 ซึ่งเป็นแผนการหลัก มาจากการคิด วางแผน ตัดสินใจของทีมแพทย์และคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ แต่ก็ได้พยายามหาซีนที่ดี ปลอดภัย เข้ามาก่อน หากทำสำเร็จก็ถือว่าดี อย่างไรก็ตาม ที่มีการวิจารณ์ว่าไทยได้วัคซีนช้า ตนต้องการให้ไปดูว่าประเทศที่ยกตัวอย่างว่าได้วัคซีนก่อนไทยนั้นสถานการณ์การระบาดเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับไทย และการได้รับวัคซีนนั้นเป็นการรับเพราะการจัดซื้อหรือเพราะเงื่อนไขอื่น
อนุทินกล่าวอีกว่า ที่สำคัญประเทศไทยจะไม่ยอมให้ใครมาทดลองวัคซีนกับคนไทยเพื่อแลกกับการได้ชื่อว่าได้วัคซีนก่อน แต่รัฐบาลจะเลือกสิ่งที่ดี เหมาะสม มีประสิทธิภาพ และปลอดภัย มาให้คนไทย การระบาดในไทยยังอยู่ในจุดที่ควบคุมได้ เมื่อมีโอกาสเลือกก็ควรเลือกสิ่งที่ดีที่สุด
ส่วนสถานการณ์ที่จังหวัดสมุทรสาคร อนุทินกล่าวว่า ที่พบผู้ติดเชื้อมากเพราะเป็นไปตามมาตรการด้านสาธารณสุข เมื่อซีลพื้นที่แล้วก็ต้องตรวจเชิงรุก นำผู้ติดเชื้อแยกออกมาจากชุมชน ตัดตอนการระบาด เร่งรักษา เป็นไปตามมาตรฐานการควบคุมโรค
“หากมองที่สถานการณ์ภาพรวมนับว่าดีขึ้นแล้ว ต้องขอบคุณทุกภาคส่วนและประชาชนที่ช่วยกัน ทั้งสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ และเว้นระยะห่าง” อนุทินกล่าว
เมื่อถามถึงสถานการณ์อ่อนไหวทางการเมืองในประเทศเมียนมา ซึ่งอาจทำให้มีการลอบเข้าเมืองเพิ่มขึ้น อนุทินกล่าวว่า ฝ่ายความมั่นคงเตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว เช่นเดียวกับการชุมนุมในไทย ฝ่ายความมั่นคงมีบทบาทในการจัดการ แต่ขอให้ทุกฝ่ายคำนึงถึงสถานการณ์โรคระบาด การรวมตัวขอให้ระมัดระวังด้วย
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล