วันนี้ (14 มิถุนายน) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ประเด็นปัญหาการกระจายวัคซีนโควิด-19 ว่า ตนเองและ พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้พูดคุยกันทางโทรศัพท์แล้ว โดยมีการทำความเข้าใจให้ตรงกัน ช่วยกันทำงาน
ทั้งนี้ สธ. จัดส่งวัคซีนโควิด-19 ไปทั่วประเทศ ตามข้อสั่งการของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ซึ่งเกิดจากข้อตกลงร่วมกันของ ศบค. หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และกรมควบคุมโรค ดังนั้น วัคซีนทุกขวดที่ออกจากกรมควบคุมโรคออกไปด้วยข้อตกลงเรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่ดุลยพินิจของกรมควบคุมโรคอย่างเดียว
อนุทินกล่าวว่า หากเกิดปัญหา แต่ละพื้นที่ก็ต้องอธิบายให้ประชาชนเข้าใจ รวมถึงทำความเข้าใจกับโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน เช่น ในพื้นที่ กทม. หากไม่ได้รับวัคซีนก็อย่าเพิ่งใจร้อน ควรหารือกับสำนักอนามัย กทม. ก่อน เพราะการโพสต์ข้อความว่า สธ. ไม่ส่งวัคซีนให้ จะทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด และที่ระบุว่าหากสงสัยให้โทรถามที่รัฐมนตรีนั้น ไม่ใช่วิธีการทำงานที่ถูกต้อง
อนุทินกล่าวว่า การกระจายวัคซีนใน กทม. ยังคงเป็นเช่นเดิม เพราะจำนวนวัคซีนของเดือนมิถุนายน ทุกหน่วยงา ทุกจังหวัดได้ตกลงกันแล้ว โดย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค มีข้อมูลในส่วนนี้ชัดเจน ดังนั้น หากมีการส่งวัคซีนไปน้อยกว่าที่ตกลงกัน ก็ต้องมีคนรับผิดชอบ และจะไม่มีการปรับจำนวนวัคซีนของ กทม. ในเดือนมิถุนายนเพิ่มเติม เพราะจะต้องกระจายไปตามจำนวนวัคซีนที่เราได้รับมาจากบริษัทวัคซีน โดยยืนยันว่าการส่งวัคซีนของกรมควบคุมโรค หากได้รับมากก็ส่งไปให้มาก เช่น หากให้ทำตามแผน 1 ล้านโดส ที่จะต้องส่งให้ กทม. ที่เหลือจากการแบ่งไปฉีดให้กับที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) และสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เราต้องส่งสัปดาห์ละ 250,000 โดส แต่เราก็ส่งไป 500,000 โดส และในปลายสัปดาห์นี้ก็จะส่งไปเพิ่มเติมอีก
“หากได้รับวัคซีนไปก็ต้องบริหารการฉีดให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดให้ต่อเนื่อง เพื่อไม่ต้องมาประกาศปิด เพราะประชาชนก็คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากวัคซีนขาด แต่จริงๆ ไม่ได้ขาด ตอนนี้ สธ. ทำงานได้เท่านี้ จะไปกำหนดนโยบายไม่ได้ เพราะ ศบค. เป็นคนกำหนด อำนาจการบริหารจัดการอยู่ภายใต้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน กฎหมายอยู่ที่ ศบค. ดังนั้น สธ. ก็จะเป็นผู้ปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพแบบบูรณาการ หากทุกหน่วยงานต้องการสร้างความนิยม ไปแย่งกันทำงาน กำหนดนโยบายของตัวเอง ก็คงลำบาก คงไม่ใช่การบริหารราชการแผ่นดิน” อนุทินกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการจัดส่งวัคซีน AstraZeneca ตามเป้าที่เคยระบุว่าเดือนมิถุนายนจะได้รับ 6 ล้านโดส เดือนกรกฎาคม-พฤศจิกายน เดือนละ 10 ล้านโดส และเดือนธันวาคมอีก 5 ล้านโดส อนุทินกล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีแผนการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เดือนละ 6-10 ล้านโดส ซึ่งไม่ได้นับแค่เพียงวัคซีนจาก AstraZeneca อย่างเดียว เพราะขณะนี้ประเทศไทยมีวัคซีน Sinovac ด้วย และนอกจากนั้นก็จะมีวัคซีนยี่ห้ออื่นๆ ตามมา อย่างไรก็ตาม การสั่งซื้อวัคซีน AstraZeneca ในปี 2564 จำนวน 61 ล้านโดส ซึ่งขณะนี้ก็เจรจากับบริษัท AstraZeneca ว่า หลังเดือนธันวาคม 2564 ไปแล้วจะมีวัคซีนสูตรอื่นที่รองรับเชื้อกลายพันธุ์ หรือว่าสามารถฉีดให้กับเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปีหรือไม่ เพื่อเตรียมงบประมาณสั่งซื้อเพิ่มเติมสำหรับฉีดให้ประชาชนในปี 2565 ต่อไป
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
