วันนี้ (26 กุมภาพันธ์) ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ถนนคนเดิน อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อตรวจเยี่ยมการดูแลนักท่องเที่ยวและการดำเนินกิจการในพื้นที่
อนุทินได้สอบถามกับผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวว่า มีนักท่องเที่ยวในปายเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ รู้สึกแฮปปี้ขึ้นหรือไม่เมื่อเทียบกับตอนการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ด้านผู้ประกอบพยักหน้ารับ ก่อนกล่าวว่ามีไปเที่ยวในอำเภอปาย และตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่ ก่อนจะแนะนำธุรกิจของตัวเอง ว่ามีทั้งรถตู้มัคคุเทศก์และรถตู้โดยสารให้บริการ นักท่องเที่ยว
อนุทินจึงสอบถามต่อถึงเรื่องความปลอดภัย ซึ่งทางด้านผู้ประกอบการยืนยันว่ามีความปลอดภัย “Safety ครับ” รวมไปถึงมีประกันภัยให้ขณะเดินทางด้วย
ขณะเดียวกันระหว่างทางเดินมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้ทักทาย อนุทินก่อนถามว่า คุณเป็นใคร ซึ่ง อนุทินได้แนะนำตัวก่อนจะเน้นย้ำกับนักท่องเที่ยวทุกคนที่เดินผ่านว่า ที่นี่ปลอดภัย และในประเทศไทยทุกพื้นที่ปลอดภัย ขอให้ท่องเที่ยวในประเทศไทยด้วยความสนุก
นอกจากนี้ อนุทิน ยังพบกับนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล ซึ่งได้มีการสอบถามการเดินทางมาท่องเที่ยวไทยอีกด้วย
อนุทิน เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ บอกว่าการท่องเที่ยว เริ่มมีจำนวนมากขึ้น และเขาก็มีความพึงพอใจ ทุกคนพูดว่าดีขึ้นกว่าเดิมแต่เราก็ต้องรักษากฎระเบียบให้มากขึ้นอยู่ดี เพื่อให้เมืองนี้มีความน่าท่องเที่ยว อย่าให้เขารู้สึกว่าเมืองนี้อันตราย หรือว่าถูกรังเกียจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตลอดเส้นทางที่นายอนุทินตรวจพื้นที่ พบว่ามีการติดสติกเกอร์ไว้อาลัยผู้เสียชีวิตชาวอิสราเอลตลอดเสาและบริเวณด้านหน้าร้านค้า โดยอนุทินสั่งการให้นายกเทศมนตรีเมืองปายให้เจ้าหน้าที่มานำสติกเกอร์ออกทั้งหมด พร้อมทำความเข้าใจกับประชาชนถึงการติดสติกเกอร์ในพื้นที่สาธารณะ พร้อมกล่าวว่าตนไม่อยากนำสติกเกอร์ออกผ่านสื่อมวลชน เนื่องจากอาจเป็นการทำร้ายจิตใจนักท่องเที่ยว และขอให้ไปติดสติกเกอร์ยังชาบัดแทน
จากนั้น อนุทิน ได้เดินทางเข้าไปนั่งพักที่ร้านน้ำดื่มสมุนไพรซึ่งเจ้าของถึงกับดีใจ บอกว่าเป็นโหวตเตอร์ให้กับพรรคภูมิใจไทย ผู้สื่อข่าวจึงถามว่าเหตุใด ถึงชื่นชอบพรรคภูมิใจไทย ซึ่งผู้ประกอบการรายนั้น จึงกล่าวว่าชื่นชอบนโยบาย ธรรมชาติโดยเฉพาะนโยบายกัญชา
เจ้าของร้านกล่าวกับอนุทินว่า ดูเหมือนโบสถ์ของนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลจะเป็นปัญหา ซึ่งอนุทิน รับปากว่าได้พูดคุยกับทางเอกอัครราชทูตและจังหวัดให้ควบคุมดูแล แต่ขณะเดียวกันก็ขอให้ผู้ประกอบการใจกว้างต้อนรับนักท่องเที่ยว