วันนี้ (21 สิงหาคม) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยถึงแนวคิดการทำนโยบายของพรรค โดยเฉพาะภาษีบ้านเกิดเมืองนอน และการพักหนี้ประชาชนรายละ 1 ล้านบาท 3 ปี โดยระบุว่า
คนไทยไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือตอนไหน ก็มีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจที่ต้องการความช่วยเหลือดูแลจากคนที่มีประสบการณ์ มีความรู้จริงๆ และมั่นใจว่าตนเป็นคนหนึ่งที่เคยผ่านมาแล้ว เมื่อครั้งทำธุรกิจ ประชาชนเวลาบอกว่าไม่มีเงิน ส่วนใหญ่ยังมีบ้าน มีที่นา แต่กับตนเอง ตอนวิกฤต ต้องบอกว่าติดลบเลย เพราะมีหนี้ตูมเดียว 5 พันล้านบาท มืดแปดด้าน ลูกต้องไปโรงเรียน ข้าวก็ต้องกิน ต่อสู้ดิ้นรน เลือดเข้าตามากตอนนั้น สิ่งที่ต้องการคือเงิน ที่ต้องเข้ามาหมุนให้มันผ่านไปวันต่อวันก่อน และเวลาให้ได้คิด พิจารณา หาทางออกในที่สุด ก็ผ่านมาได้ บริษัทรอด และเติบโต จึงถอยออกมา พร้อมกับประสบการณ์อันล้ำค่า
การบริหารมันก็หลักการเดียวกัน ตนเองผ่านตรงนั้นมาแล้ว ก็อยากนำมาใช้แก้ไขปัญหาของประชาชนบ้าง จึงมาทำงานการเมือง เลือกตั้งสมัยหน้านโยบายของพรรคภูมิใจไทยจึงง่ายๆ เลย คือทำให้เงินไปถึงกระเป๋าพี่น้องประชาชนให้เร็วที่สุด ลดภาระให้พี่น้องประชาชนให้มากที่สุด ในฐานะคนไทยที่ทำธุรกิจ มันก็เหมือนกับอาชีพอื่น มีเงินในกระเป๋าก็สบายใจ รู้แล้วว่าต่างต้องการเงิน และต้องการเวลาให้ได้หายใจ ให้ได้คิด ให้ได้ทำ
“นโยบายของพรรคภูมิใจไทยมุ่งเน้นนำเงินมาใส่กระเป๋าให้ประชาชน เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน คนที่ทำได้มีผมเป็นหนึ่งในนั้น เพราะอย่างที่บอกว่าเคยผ่านมา ผมเคยได้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้ มันจึงทำให้มีประสบการณ์ วิธีการมันก็เหมือนกัน สิ่งที่เคยทำไม่ว่าจะองค์กรใหญ่ขนาดไหน แต่หัวใจคนทำมันคนเดียวกัน ตรงนี้ต้องไม่ลืม ส่วนภาษีบ้านเกิดเมืองนอนให้ท้องถิ่นได้เงินไปใช้ในสิ่งที่จำเป็นเลย จะได้มีเงินพัฒนาพื้นที่ให้ตรงจุด ไม่ต้องรอส่วนกลางมาแบ่งให้แบบจำกัดจำเขี่ย แล้วพักหนี้ประชาชน ก็ให้ประชาชนได้มีเวลาคิด มีเวลาทำงานเก็บเงิน ตอนที่เป็นหนี้ เวลาคือสิ่งที่ต้องการมากที่สุด คิดว่าประชาชนก็เหมือนกัน ประสบการณ์ผมสอนมาแบบนั้น” อนุทินกล่าว