วันนี้ (17 พฤษภาคม) ที่กรมป่าไม้ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจกัญชาเดินทางไปกระทรวงสาธารณสุขเพื่อคัดค้านการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดว่า คำสั่งล่าสุดของนายกรัฐมนตรีให้กลับไปศึกษาเรื่องกัญชา อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งรัฐมนตรีแต่ละคนนั้นมีนโยบายที่แตกต่างกัน ซึ่งไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน โดยต้องพิจารณาว่า ขณะนี้เรื่องไปถึงไหนแล้ว มีกัญชาที่ถูกปลดล็อกกลับไปเป็นยาเสพติด กว่า 2 ปีแล้วมีข้อดีและข้อเสียอย่างไร หากถอยกลับไปเป็นยาเสพติดอีกครั้งจะมีข้อดีและข้อเสียอย่างไร
สำหรับคนที่ลงทุนประกอบกิจการผลิตผลิตภัณฑ์จากกัญชา เราจะเยียวยาอย่างไร ไหวหรือไม่ เท่าที่เห็นจำนวนเงินที่ลงทุนไปนับหมื่นล้านบาท ยังไม่รวมร้านที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์อีก ข้อมูลที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดใช้ในการพิจารณาปลดล็อกต่างกับข้อมูลในปัจจุบันอย่างไร เป็นสิ่งที่เราต้องหารือ และเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
“แต่อย่าไปบอกว่าผมหงอ ผมยอม เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องยอมหรือไม่ยอม แต่เกี่ยวกับประโยชน์ของพี่น้องประชาชน เป็นนักการเมือง เรื่องส่วนตัวไม่ใช่ปัจจัยสำหรับการกำหนดนโยบาย” อนุทินกล่าว
ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำถึงท่าทีเกี่ยวกับนโยบายกัญชา อนุทินกล่าวว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับมติของที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยอาจมีผู้ที่นั่งกรรมการ 2-3 คน ส่วนกระทรวงอื่นๆ ที่พรรคภูมิใจไทยกำกับดูแล เรามีความเชื่อและมีหลักอยู่ในระดับหนึ่ง เวลาไปประชุมเราก็ไปให้ข้อมูล ส่งผลเป็นอย่างไรก็ให้เป็นมติของที่ประชุม
ส่วนจุดยืนของพรรคภูมิใจไทยนั้น อนุทินกล่าวว่า ขอให้เป็นไปตามนโยบายที่รัฐบาลนี้ได้แถลงต่อรัฐสภา ซึ่งมีการระบุไว้อย่างชัดเจน นายกรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายไว้ รัฐบาลก็ต้องปฏิบัติตาม หากไม่ปฏิบัติตามก็อาจชี้แจงเพิ่ม ทุกอย่างนั้นมีทั้งผู้สนับสนุนและคัดค้าน ให้ขึ้นอยู่กับกระทรวงที่กำกับดูแล ซึ่งตอนนี้ไม่ใช่กระทรวงมหาดไทย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทยออกแถลงการณ์ขอให้พรรคร่วมรัฐบาลเร่งพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง พ.ศ. …. นั้น อนุทินกล่าวว่า พ.ร.บ.กัญชา กัญชง เป็นอีกหนึ่งคำตอบที่จะทำให้เกิดการควบคุมและบังคับใช้กฎหมาย ทุกวันนี้การควบคุมกัญชาอยู่ภายใต้ประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งแม้จะเป็นกฎหมาย แต่ศักดิ์ศรีของ พ.ร.บ. นั้นสูงกว่า และเป็นกฎหมายที่รัฐสภาผ่านการเห็นชอบ ซึ่งในรัฐบาลชุดที่แล้วผ่านวาระแรกไปแล้ว แต่ถูกตีตกในวาระที่สอง โดยการหักหลังจากพรรคร่วมรัฐบาลกันเอง เมื่อเปิดรัฐสภาชุดนี้พรรคภูมิใจไทยเกรงว่ามีประเด็นการควบคุมกัญชาอีก ก็ได้นำเสนอกฎหมายเข้าไปใหม่ ซึ่งเป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเงินด้วย ต้องผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีด้วย ก็ว่าไปตามนั้น
ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำอีกว่า หากในอนาคตกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด นี่อาจเป็นครั้งแรกที่พรรคภูมิใจไทยพูดแล้วทำไม่ได้ตามนโยบายที่หาเสียงไว้หรือไม่ อนุทินกล่าวว่า เราทำไปแล้ว เราพูดแล้วในปี 2562 ทำแล้วเมื่อปี 2564-2566 พรรคภูมิใจไทยทำทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว ไม่ใช่พูดแล้วไม่ทำตามที่คนพยายามจะพูด เราทำแล้วแต่มีคนที่มีความพยายามที่นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดอีก นี่ไม่ใช่พรรคภูมิใจไทย พรรคภูมิใจไทยแสดงจุดยืนเรียบร้อยแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ที่ผ่านมาท่าทีของอนุทินไม่เคยยอม แต่ล่าสุดเหมือนจะยอมถอยเรื่องกัญชา อนุทินตอบสั้นๆ ว่า “แล้วใครบอกผมยอม เห็นผมยิ้มๆ แบบนี้ เห็นผมยอมหรือเปล่า”
เมื่อถามว่า ได้พูดคุยประเด็นดังกล่าวกับ สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในวงกินข้าวร่วมกับ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่ อนุทินกล่าวว่า ไม่ต้องคุย เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำตามกฎระเบียบ โดยกฎระเบียบระบุว่าต้องมีคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด ก่อนเสนอไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ส. แห่งชาติ ที่ไม่ใช่ของกระทรวงยุติธรรม ส่วนทักษิณเป็นกาวใจให้หรือไม่ อนุทินปฏิเสธว่า ไม่เกี่ยว ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องการทำงาน พร้อมยืนยันว่าเรื่องนี้จะไม่เป็นรอยร้าวของรัฐบาล เราสมานฉันท์
เมื่อถามย้ำว่า วงกินข้าวดังกล่าวจะเป็นการสมานฉันท์หรือไม่ อนุทินกล่าวว่า สมานกันมาตลอดอยู่แล้ว
ขณะที่ พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวสั้นๆ ถึงกรณีที่ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร. ร่วมวงกินข้าวกับทักษิณ ได้มารายงานอะไรหรือไม่ ว่า “ไม่มี เขา (ร.อ. ธรรมนัส) ไม่ได้พูดอะไรนะ” พร้อมยืนยันว่าไม่ได้มารายงานตน