วันนี้ (3 มกราคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีเตรียมความพร้อมรับมือกับการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ภายใต้ยุทธการถอดหน้ากากคนดีว่า ก็ต้องเตรียมความพร้อม ต้องดูว่าผู้อภิปรายจะอภิปรายเรื่องอะไร หากอภิปรายเรื่องงานที่ทำมา ทุกอย่างก็พร้อมที่จะตอบ พร้อมคิดว่าพวกเราทำงานเต็มที่ ในส่วนที่ตนรับผิดชอบไม่มีประเด็นอะไรที่ก่อให้เกิดความเสียหายกับพี่น้องประชาชน ฉะนั้นหากเป็นการอภิปรายกล่าวหาก็ชี้แจงด้วยข้อเท็จจริง หากอภิปรายด้วยคำแนะนำก็ควรรับฟัง ถ้าเป็นประโยชน์ก็เอาไปช่วยปฏิบัติ
อนุทินยังกล่าวถึงกระแสข่าวที่พรรคภูมิใจไทยพร้อมจับมือกับทุกขั้วพรรคการเมืองว่า เป็นเพียงการวิเคราะห์ของผู้สื่อข่าว ใครเขาจะออกมาให้สัมภาษณ์ จะพูดเช่นนั้นได้อย่างไร คนที่อยากเห็นบ้านเมืองเจริญก้าวหน้าก็ควรบอกว่าไม่ควรมีความขัดแย้ง ไม่ควรมีการแบ่งขั้ว ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้สื่อข่าวจึงเอาตนไปพูดว่าพร้อมจับมือกับทุกขั้ว ตนไม่เคยพูดสักคำ ตนพูดอยู่คำเดียวตลอดเวลา และย้ำมาตลอดหลายครั้งว่าต้องรอผลเลือกตั้ง แล้วผลการเลือกตั้งจะเป็นตัวกำหนดว่าเราควรจะไปทางไหน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ไม่ปิดประตูสำหรับทุกด้านทุกฝ่ายใช่หรือไม่ อนุทินกล่าวว่า เราไม่นิยมความขัดแย้ง เราไม่ต้องการทะเลาะเบาะแว้งกับใคร เราไม่ต้องการสร้างความจงเกลียดจงชังระหว่างกัน ฉะนั้นที่ดีที่สุดคือรอผลการเลือกตั้ง ตนต้องปฏิเสธข่าว 2-3 วันที่ผ่านมา ช่วงปีใหม่ไม่รู้ว่าจะไปแก้ข่าวอย่างไร
“ที่บอกว่าอนุทินไปเอ่ยชื่อพรรคก้าวไกล ไม่มีคำว่าก้าวไกลออกจากปากผมเลย จนถึงวินาทีนี้ แต่ละพรรคมีนโยบายอย่างไรก็เป็นเรื่องของแต่ละพรรค ส่วนแนวทาง ทิศทางของพรรคการเมือง ผมเชื่อว่าทุกพรรคก็ต้องรอผลการเลือกตั้ง” อนุทินกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าจับมือกับพรรคก้าวไกลได้ใช่หรือไม่ อนุทินกล่าวว่า ยังไม่ได้บอกว่าจับมือกับใครเลย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า มีการวิเคราะห์กันว่าพรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ และพรรคเพื่อไทย จะจับมือกันเพื่อดัน พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยการดึงเสียงจากกลุ่มสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) อนุทินกล่าวว่า เท่าที่ตามข่าวไม่ได้เป็นการวิเคราะห์เลย เป็นการระบุว่ามีการคุยเรียบร้อยแล้วตอนปีใหม่ ตนขอให้ไปตรวจสอบดูว่าช่วงปีใหม่ตนอยู่ที่ไหน ยืนยันว่าไม่ได้คุยกับใครทั้งสิ้น