วันนี้ (11 มกราคม) ที่พรรคภูมิใจไทย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยกล่าวในการต้อนรับ 2 สมาชิกพรรคภูมิใจไทยคือ วีระกร คำประกอบ ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เขต 2 จังหวัดนครสวรรค์ กับ ฑีฆะพล ทวีเกื้อกูลกิจ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขต 2 จังหวัดตาก ว่าคนที่เข้ามาทำงานกับพรรคภูมิใจไทยต้องศึกษาแนวทางนโยบาย ใครที่ต้องการรับใช้ประชาชนและประเทศ พรรคภูมิใจไทยก็พร้อมให้การต้อนรับ
ส่วนจะมี ส.ส. จากพรรคอื่นมาเพิ่มหรือไม่นั้น อนุทินกล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยพร้อมที่จะเปิดกว้างรับทุกคนที่ต้องการอยากจะทำงาน แต่ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ว่าจะมีใครมา ต้องรอไปจนกว่าจะครบกำหนดของกฎหมายที่ไม่ให้ ส.ส. ย้ายพรรค แต่คนที่มาเป็นสมาชิกของพรรคภูมิใจไทยไม่จำเป็นต้องเป็นผู้สมัคร ส.ส. อย่างเดียว แต่ยังมีกิจกรรมการเมืองอย่างอื่นให้ทำ และพรรคภูมิใจไทยรับทุกคนทุกฝ่าย ไม่ว่าจะฝ่ายวิชาการ ฝ่ายสังคม หรือแม้แต่ทีมเศรษฐกิจที่จะมาทำงานด้านเศรษฐกิจ
อนุทินยังได้กล่าวปฏิเสธการชักชวนวีระกรอยู่พรรคภูมิใจไทยว่า ไม่มีการทาบทาม มีแต่เจอกันในสภาแล้วปิ๊งกัน รวมถึงเมื่อ 3 เดือนที่แล้วตนได้มีโอกาสไปเปิดโรงพยาบาลนครสวรรค์ประชารักษ์ที่จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งเป็นพื้นที่ของวีระกร ซึ่งวีระกรได้มาต้อนรับเต็มที่ พร้อมพาไปแนะนำชาวนครสวรรค์ ขณะเดียวกันได้เห็นการทำงานว่าทำงานให้กับประชาชนอย่างจริงจัง เหมือนกับตัวเองที่ก็ทำงานให้กับประชาชน จึงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเรื่อยมา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความกังวลในการวิพากษ์วิจารณ์ของวีระกรที่ย้ายจากพรรคพลังประชารัฐมาอยู่ภูมิใจไทยหรือไม่ อนุทินกล่าว หากทุกคนวิพากวิจารณ์เชิงบวกและสร้างสรรค์ก็รับฟังได้ ขณะเดียวกันพรรคภูมิใจไทยก็จะต้องไม่ทำตัวให้วีระกรตำหนิติเตียน และไม่ห่วงที่คนของพรรคพลังประชารัฐย้ายมาอยู่พรรคภูมิใจไทยหลายคน ทั้งหมดคือเรื่องปกติของการเมือง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการที่ ส.ส. ย้ายสังกัดพรรคในช่วงเตรียมพร้อมเข้าสู่การเลือกตั้งเกิดขึ้นมาตลอดเวลา อนุทินกล่าวว่า ตนเองเป็นหนึ่งในคนที่เคยย้ายพรรคเหมือนกัน แต่ขึ้นอยู่กับว่าในช่วงเวลาใดเราอยู่ที่เดิม หากเราไม่สามารถผลักดันในสิ่งที่เคยให้สัญญากับประชาชนไว้ก็ต้องหาที่อยู่ใหม่เพื่อให้ได้ทำงาน เพราะพรรคใหม่มีนโยบายสอดรับกับเจตนารมณ์
“นักการเมืองทุกคนจะต้องคำนึงถึงประชาชนเป็นอันดับแรก อะไรที่ทำให้ประชาชนได้ ทำให้เขามีความสุข และมีคุณภาพชีวิตที่ดี รายได้ดีขึ้น นี่คือสิ่งที่สำคัญกว่า” อนุทินกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสที่ถูกมองว่าเป็นพรรคภูมิใจไทยเป็นฝ่ายดูด ส.ส. นั้น อนุทินย้ำว่า อะไรก็ตามที่เป็นพลวัต มีการขับเคลื่อน ยิ่งขับเคลื่อนแรงก็จะเกิดสภาวะดึงดูด เป็นหลักฟิสิกส์ เปรียบเวลาขับรถเล็กตามรถบรรทุกยังมีโอกาสถูกดูดเข้าไป ทั้งหมดนี้มันคือการดึงดูดโดยพลวัต น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่พรรคภูมิใจไทยขับเคลื่อนนโยบายทุกอย่าง แม้ช่วงนี้เป็นช่วงโค้งสุดท้ายของสมัยสภาผู้แทนราษฎร พรรคภูมิใจไทยก็ยิ่งต้องทำงาน ไม่ใช่จะหยุดทุกอย่างแล้วลงไปหาเสียง ขออย่ามองว่าเป็นการดูด แต่ทั้งหมดคือแรงดึงดูด
“พรรคภูมิใจไทยไม่เคยซื้อ ส.ส. ด้วยเงิน ถ้าเงินเป็นปัจจัยที่สามารถซื้อ ส.ส. ได้ ป่านนี้พรรคการเมืองก็คงไม่ต้องมานั่งแข่งขันนโยบาย และไม่ต้องมาฟาดฟันอะไรกันดุดันขนาดนี้” อนุทินกล่าว
อนุทินกล่าวทิ้งท้ายอีกว่า พรรคภูมิใจไทยเป็นเอกเทศ และสิ่งเดียวที่จะได้รับความไว้วางใจจากประชาชนคือนโยบาย และจะส่งการบ้านตามที่เคยได้ให้สัญญากับประชาชนไว้ จึงเป็นที่มาของคำว่า พูดแล้วทำ
