วันนี้ (9 กันยายน 2564) ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ภายหลังรัฐบาลมีมาตรการเปิดกิจกรรม/กิจการ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ กระทรวงสาธารณสุขยังคงเข้มในการติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูง เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ดูแลผู้ป่วยทั้งในโรงพยาบาล สถานที่กักตัวทั้งที่บ้านและชุมชน (HI/CI) และเร่งฉีดวัคซีนโดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงเพิ่มขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ในประเทศไทยขณะนี้มีแนวโน้มผู้ติดเชื้อลดลง แต่จำนวนผู้เสียชีวิตยังสูง โดยเฉพาะกลุ่ม 608 พบอัตราการเสียชีวิตถึงร้อยละ 70-80 จึงได้สั่งการให้กรมควบคุมโรคเร่งกระจายวัคซีนในต่างจังหวัด พร้อมกำชับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเน้นฉีดวัคซีนให้กลุ่ม 608 ก่อน เพื่อลดอัตราการป่วยหนักและเสียชีวิต ส่วนในเขต กทม. ได้ฉีดกลุ่ม 608 เกือบครบ 100% แล้ว
“ขณะนี้วัคซีนมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ได้มอบนโยบายให้ผู้บริหารสาธารณสุข หาวิธีกระจายวัคซีนครอบคลุมทั่วประเทศ ให้มีการเร่งฉีดอย่างเต็มที่”
อนุทินกล่าวต่อว่า สำหรับการประชุม ศบค. ชุดใหญ่ ในวันพรุ่งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมเสนอการฉีดวัคซีน Pfizer ในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป ตามวัตถุประสงค์ในการฉีดเพื่อเป็นการป้องกัน ควบคุมโรค และสร้างภูมิคุ้มกัน ให้สามารถเปิดเรียนได้ตามปกติอย่างปลอดภัย โดยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขให้คณะแพทย์เป็นผู้พิจารณา
นอกจากนี้ ได้เตรียมหารือฉีดวัคซีน AstraZeneca เข็ม 3 ให้กับกลุ่มที่ต้องทำงานสัมผัสกับชาวต่างชาติ/นักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทย ในโครงการ ‘Phuket Sanbox’ และเพื่อใช้เป็นเข็มกระตุ้นสำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีน Sinovac ครบ 2 เข็ม คาดว่าจะเริ่มฉีดต้นเดือนตุลาคมนี้ เนื่องจากจะมีวัคซีนเพียงพอ พร้อมยืนยันปลายปีนี้มีวัคซีนเพียงพอสำหรับทุกคน
ส่วนเรื่องการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อนุทินกล่าวว่ายังไม่ทราบเรื่องและยังไม่มีการหารือในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขยังคงทำหน้าที่เฝ้าระวัง ป้องกัน และรักษาผู้ป่วย