สืบเนื่องจากกระแสข่าว เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เตรียมยื่นหนังสือถึง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อให้คณะกรรมการวัตถุอันตราย พิจารณาทบทวนมติการแบนสารเคมีอันตรายอย่าง พาราควอตและคลอร์ไพริฟอส ให้อนุญาตกลับมาใช้ได้อีกครั้ง หลังได้รับข้อเรียกร้องจากกลุ่มเกษตรกรมานั้น
ล่าสุด (31 สิงหาคม) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นำทีมผู้บริหารสาธารณสุขตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึงกรณีดังกล่าว เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบการควบคุม ป้องกัน และรักษาโรคเจ็บป่วยของประชาชนคนไทยทุกคน ขอยืนยันว่ากระทรวงสาธารณสุขไม่เห็นด้วย และขอคัดค้านให้ถึงที่สุดต่อกรณีที่มีความพยายามให้มีการยกเว้นเรื่อง ‘ยกเลิกการสั่งแบนการใช้สารเคมีอันตราย’ เนื่องจากสารเคมีดังกล่าวจะส่งผลกระทบที่ร้ายแรงต่อสุขภาพของประชาชน ทั้งในกลุ่มเกษตรกรผู้ใช้สารเคมีและประชาชนในฐานะผู้บริโภค
“ทางกระทรวงสาธารณสุขมีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันได้ถึงอันตรายของสารเคมีที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติห้ามใช้แล้ว อีกทั้งมีกรณีของผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นอาการป่วยที่เกิดจากการใช้สารเคมีอันตราย และมีการสะสมในร่างกายเป็นเวลาต่อเนื่อง
“ในฐานะตัวแทนกระทรวงสาธารณสุข ขอร้องให้หน่วยงานใดก็ตามที่กำลังกดดันให้มีการยกเลิกมติการห้ามใช้สารเคมีอันตรายของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ให้หยุดการกระทำดังกล่าว โดยขอให้คำนึงถึงผลกระทบด้านสุขภาพของประชาชนคนไทยเป็นหลักลำดับแรก ขอให้ท่านเป็นอะไรไว้เสมอว่า ไม่ว่าท่านจะมีเงิน มีรายได้เท่าไร ก็ไม่อาจจะทดแทนสุขภาพและชีวิตที่สูญเสียไปได้
“สุขภาพของคนไทยต้องมาก่อน สุขภาพของคนไทยต้องอยู่เหนือสิ่งอื่นใด แม้จะมีผลกระทบทางเศรษฐกิจบ้าง แต่คนไทยจะต้องมีสุขภาพที่ดีและปลอดภัยจากโรคทุกชนิด” อนุทินกล่าว
นอกจากนี้ช่วงหนึ่งของการแถลงข่าว อนุทินระบุว่า ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขมีผู้แทนอยู่ในคณะกรรมการวัตถุอันตรายเพียงสองคนคือ นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา
“การมีตัวแทนเพียง 2 ท่าน จาก 27 ท่าน โหวตอย่างไรก็แพ้ เราถึงได้ออกมาให้ข้อมูลกับพี่น้องประชาชนอีกครั้ง แม้เราจะยืนยันงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์และข้อมูลผลกระทบทางสุขภาพ รวมถึงรายงานผู้ป่วยที่ได้รับการสะสมจากสารพิษ แต่ก็ยังคงมีแรงกดดันให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายเปลี่ยนแปลงมติมาโดยตลอด และมีความพยายามที่จะให้ใช้สารเคมีอันตรายในการทำการเกษตรกรรมมาโดยตลอด
“มติการแบนสารพิษเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตลอดเวลา บางครั้งแบนได้ 1-2 เดือนก็เปลี่ยนอีกแล้ว พอถูกกดดันแล้วเปลี่ยนไม่ได้ก็ยืดเวลา พอใกล้หมดเวลาที่ยืดออกมาก็ขอให้กลับไปพิจารณาใหม่ให้ใช้ต่อ ถ้าแบบนี้ไม่ต้องประชุมกรรมการก็ได้ จับสลากเอา ผลออกมาอย่างไรก็ทำตามนั้น แล้วจะมีคณะกรรมการไว้ทำอะไร มติของคณะกรรมการทุกอย่างที่ตั้ง รัฐบาลจะต้องมีความยั่งยืน มั่นคง มีความแน่วแน่ ไม่ใช่จะมาเปลี่ยนอะไรก็ได้ตามร้านที่เปลี่ยนไป” อนุทินกล่าว
ทั้งนี้อนุทินได้ขอความร่วมมือจากประชาชนให้ช่วยกันพิจารณาเพื่อแสดงการต่อต้านคัดค้าน และการพิจารณาทบทวนมติของคณะกรรมการวัตถุอันตราย และเพื่อความปลอดภัยในสุขภาพคนไทย โดยกระทรวงสาธารณสุขยืนยันว่าจะใช้ 2 เสียงที่มีอยู่ในคณะกรรมการฯ คัดค้านอย่างเต็มที่เพื่อคุ้มครองประชาชนให้ปลอดภัยจากสารเคมีอันตราย
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
