วันนี้ (21 กันยายน) ที่จังหวัดศรีสะเกษ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วย โสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี, ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม, ภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ ทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รวมถึง สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย ขึ้นเวทีปราศรัยพรรคภูมิใจไทยที่สำนักงานเทศบาลตำบลโพธิ์กระสัง เพื่อช่วย จินณ์ตวรรณ ไตรสรณกุล ผู้สมัคร สส. ภูมิใจไทย สู้ศึกเลือกตั้งซ่อมที่จะมีขึ้นในวันที่ 28 กันยายนนี้
อนุทินขึ้นปราศรัยบนเวทีพร้อมกล่าวว่า ทักทายชาวบ้านที่มารอฟังปราศรัยและให้กำลังใจ ก่อนถามว่าจำกันได้หรือไม่ เคยมาเมื่อช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา และทุกครั้งที่มาก็มีแต่ความอบอุ่น ก่อนบอกว่าที่จริงจินณ์ตวรรณต้องเข้าทำงานในสภาตั้งแต่เดือนที่แล้ว วันนี้ไม่ควรที่จะต้องหาเสียง แต่ควรจะต้องมาขอบคุณแทน ซึ่งครั้งที่แล้วมาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรธรรมดา แต่วันนี้มาเป็นนายกรัฐมนตรี และเป็นนายกรัฐมนตรีที่ชาวศรีสะเกษให้ความไว้วางใจ
อนุทิน กล่าวต่อว่า ในวันที่ 28 กันยายนนี้ เราจะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนใหม่ที่ชื่อ จินณ์ตวรรณ ซึ่งเมื่อก่อนและทุกคนเรียกครูอีฟ ตนก็บอกว่า เค้าเป็นลูกเป็นหลานไม่ให้เรียกครู ให้เรียก “อีอีฟ นังอีฟ ไอ้อีฟ หรือลูกอีฟ” ซึ่งเรากำลังจะมีคนที่ซื่อสัตย์และภักดีกับพวกเรา ไปทำงานในสภาแทน เพื่อให้ทุกคนมีความมั่นใจว่าพวกตนจะรับใช้ชาวศรีสะเกษทั้งหมดและชาวไทยทั้งหมดอย่างเต็มที่ มาที่เวทีนี้หลายครั้งแล้ว แต่พี่น้องยังไม่ให้ สส. ตนเลยสักครั้ง ครั้งนี้ขอให้ไข่แตกเลยได้ไหม “นายกฯ ขอน่ะได้หรือเปล่า สัญญาแล้วนะ บ่ตั๊ว บ่จุ๊นะ”
อนุทินยังพูดถึงเรื่องการเปิดด่านว่า วันนี้มีปัญหามากมายพวกเราอยากให้เปิดด่านหรือปิดด่าน ก่อนจะถามชาวบ้านว่ามีใครอยากให้เปิดด่านยกมือ ก่อนจะพูดแซวว่า “อุ๊ยตายแบบนี้ใครจะให้เปิดเล่า” เพราะชาวบ้านไม่มีใครยกมือเลย ก่อนบอกต่อว่า ขนาดชาวขุนหาญ-ชาวภูสิงห์ ยังบอกให้ปิดด่าน แล้วชาวไทยทั้งประเทศก็บอกให้ปิดด่าน
“สุนัขตัวไหนจะกล้าเปิด อย่าว่าแต่สุนัขไม่กล้าเปิดเลย หนูยิ่งไม่กล้าเปิดใหญ่เลย ผมคนไทยนะครับ ผมนายกฯ ของพวกท่านครับ ไม่ใช่นายกฯ ของเพื่อนบ้าน ไม่ใช่นายกฯกัมพูชา” อนุทินกล่าว
จากนั้น อนุทิน ได้เปิดตัวรัฐมนตรี อาทิ โสภณ ซารัมย์ บอกว่าเป็นพี่ใหญ่ของผมอยู่ที่บุรีรัมย์ ก็เป็นคนของพวกเราที่จะมาดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี, ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ คนนี้มาคราวที่แล้วจำได้ไหมเป็นขี้ข้าคนไทย เป็นขี้ข้าของศรีสะเกษ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม, ทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย, จินณ์ตวรรณ คนนี้ไม่ต้องบอก เป็น สส.ของศรีสะเกษ, ภราดร ปริศนานันทกุล เขาหล่อกว่า เขาเด็กกว่า แต่ปัญญาไม่เด็ก เขามาเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผมไปไหนเขาไปด้วย ดูแลด้านสำนักงบประมาณ เพราะไปที่ไหนพี่น้องเดือดร้อนที่ไหน เขาจะเป็นคนแรกที่ทำให้พี่น้องหายเดือดร้อน จากนั้นอนุทินได้แนะนำตัว 18 สส. พรรคภูมิใจไทย
ช่วงหนึ่งอนุทินได้แนะนำไตรศุลี ไตรสรณกุลว่า “นี่คือสุดยอดดวงใจของผม ทำงานแทนผม หัวใจคนศรีสะเกษ ก่อนบอกว่า คนนี้มีวลีเด็ดถ้าอีนั่นเป็นได้ อีนี่ก็เป็นได้นี่ไงครับ นี่คืออีนี่ของคนศรีสะเกษ ช่วงนี้ขอขโมยตัวจากพี่น้องชาวศรีสะเกษ เพราะผมทำหน้าที่นายกฯ แล้ว ขอเอาคนศรีสะเกษมาเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรีโอเคไหม เพราะฉะนั้นพี่น้องชาวศรีสะเกษเห็นหรือยังว่า ภูมิใจไทยพูดแล้วทำว่าวแล้วเฮ็ด”
จากนั้นแนะนำ สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ว่า เป็นคนที่จะเป็นกระบอกเสียง เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี เป็นพวกชอบปิดทองหลังพระ ชอบทำงานอยู่ข้างหลัง ผมทำงานกับเขา สั่งงานกับโต้ง สั่งอะไรไป สั่งวันนี้เสร็จเมื่อวาน ทำตามผมทุกอย่าง ทุกครั้งโต้งจะตะโกนกลับมาว่าเสร็จแล้วครับท่าน สิ่งที่ยากที่สุดคือหาตัวไม่ค่อยเจอ โทรทีก็ต้องโทรกลับ แต่เขาคือคนคุณภาพของคนศรีสะเกษ
นายอนุทิน บอกว่า ที่พามานี่ดีนะยังไม่ถึง 1 ใน 5 ของพรรคที่มีอยู่ แต่มาวันนี้เพื่อมาพบกับพ่อแม่พี่น้อง ให้เกิดความมั่นใจว่า หลังจากนี้สภาเหลือ 4 เดือน เพราะเรามีสัญญาไว้กับทุกคนว่าเราจะให้มีการเลือกตั้งใหม่ และมั่นใจว่าคนศรีสะเกษรักเรา ขอให้พี่น้องชาวศรีสะเกษจุดประกายไฟเขต 5 ให้ภูมิใจไทย ปีหน้าเลือกตั้งใหม่ขอยกจังหวัดศรีสะเกษ พวกเราจะได้ทำให้ฝันของพี่น้องเป็นจริงทุกอย่าง
อนุทินกล่าวว่า ตั้งแต่ปิดด่านชายแดน ราคามันสำปะหลังขึ้น คราวที่แล้วที่มาเปิดๆ ปิดๆ มันสำปะหลังราคาตกเหลือ 80 สตางค์ วันนี้พอพวกตนเข้ามาทำงานบอกว่าเรื่องทหารให้ทหารว่าไป ทหารก็บอกว่าไม่เปิดด่าน คนไทยยังไม่ให้เปิดด่าน พี่น้องยังไม่ให้เปิดด่าน เพราะฉะนั้นต้องปิดด่าน ซึ่งตอนนี้ราคามันสำปะหลังก็ขึ้นไปถึง 2 บาทกว่า เพราะ ถ้าเปิดด่านจะมีคนลักลอบเอาสินค้าพืชผลทางการเกษตรจากนอกประเทศเข้ามา ราคาพืชผลทางการเกษตรก็จะตกต่ำ
“ผมว่ามันต้องมีเอื้อนายทุนพวกเจ้าของโรงแป้งมันถูกไหม เพราะเขาจะได้ซื้อมันถูก แต่ราคาแป้งไม่ได้ลดลง เราก็ยังซื้อแพงเหมือนเดิม เราต้องปิดด่านต่อไป ประโยชน์จะเกิดขึ้นกับใครนอกจากพี่น้องประชาชนทุกคน” อนุทินกล่าว
อนุทินบอกต่ออีกว่า ส่วนหลังจากที่เข้าไปทำงานแล้ว จะเป็นเวลาเหมาะกันพอดี หากพี่น้องเลือกจินณ์ตวรรณเข้าไปเป็น สส. ตรงกับพวกตนเข้าไปทำงาน เป็นรัฐบาล โครงการคนละครึ่งก็กลับมาภายใน 1 เดือน เป็นนโยบายที่จะทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าไปได้ รัฐบาลมีเวลาไม่นาน จึงจะต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาก็ต้องแก้ไข ปัญหาพืชผลทางการเกษตร ปัญหายาเสพติดไม่ต้องห่วง
“พวกผมเป็นตำรวจ ผมไปดูมหาดไทย ไปดูความมั่นคงก็จะเร่งปราบปรามปัญหายาเสพติดให้เต็มที่ เรื่องของเศรษฐกิจ โครงการคนละครึ่ง หากใครเสียภาษีก็จะได้เพิ่มมากขึ้นเป็น 60:40 แต่คนที่ไม่ได้อยู่ในระบบภาษีก็ยังได้คนละครึ่งเหมือนเดิม เป็น 50:50 จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น มีการอุดหนุน ดูแลกันเอง เศรษฐกิจก็จะเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ เป็นสิ่งที่ผมให้ความมั่นใจกับพี่น้องว่า เราจะเข้าไปทำ ภูมิใจไทยพูดแล้วทำอยู่แล้ว” อนุทินกล่าว
อนุทิน ย้ำในช่วงท้ายบนเวทีปราศรัย ว่า ส่วนการเลือกตั้งในสัปดาห์หน้า ผมคิดว่าพ่อแม่พี่น้องมั่นใจได้ว่าจะเป็นการเลือกตั้งที่ขาวสะอาด เพราะ 2 เดือนที่แล้ว ผมเพิ่งถูกไล่ออกจากรัฐบาล ตอนนั้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่เขาจะเอากระทรวงคืน และขอให้ออกไปเป็นฝ่ายค้าน ตอนนั้นผมก็มาเป็นฝ่ายค้าน มีการเลือกตั้งซ่อมผมก็มาแบบฝ่ายค้าน พี่น้องก็ยังเต็มเวทีหมด แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่มาสักคน วันนี้ผมมาเป็นรัฐบาลแล้ว พี่น้องก็ยังมา ผมไม่กังวล เสียงของพ่อแม่พี่น้องก็เป็นเสียงบริสุทธิ์แน่นอน ผมไม่กังวลว่าใครจะมามีอิทธิพลทำให้พ่อแม่พี่น้องเปลี่ยนใจไปได้ พ่อแม่พี่น้องตั้งใจเลือกเบอร์ 2 อยู่แล้วใช่หรือไหม สัญญาแล้วนะ ให้ผมพูดแล้วทำใช่ไหม พี่น้องต้องพูดแล้วทำด้วยนะ”
ภายหลังการปราศรัยเสร็จสิ้น อนุทินได้นั่งพับเพียบบนเวที แล้วก้มลงถ่ายรูปเซลฟี่กับชาวบ้านอย่างเป็นกันเอง ขณะที่ซาบีดา ก็นั่งพับเพียบถ่ายรูปกับชาวบ้านเช่นเดียวกัน บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น
