วันนี้ (6 พฤษภาคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีผู้ว่าราชการอำนาจเจริญทำหนังสือลับแจ้งปลัดกระทรวงมหาดไทย พบกลุ่มบุคคลอ้างเป็น DSI บังคับอดีตผู้สมัคร สว. 2 รายให้ยอมรับว่าฮั้วเลือกตั้ง สว. ว่า โดยปกติผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดต้องดูแลประชาชนอยู่แล้ว อะไรที่ผิดปกติท่านก็รายงานเข้ามามายังผู้บังคับบัญชาคือปลัดกระทรวงมหาดไทย จึงถือเป็นเรื่องปกติ และการรายงานของผู้ว่าราชการจังหวัดเรามีไลน์กลุ่มอยู่ วันๆ อ่านกันแทบไม่ไหว มีคดีนั้นคดีนี้หรือเหตุการณ์นั้นเหตุการณ์นี้ ก็มีรายงานเข้ามาตลอด เมื่อรายงานเข้ามาแล้วก็จะมีการพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้เพิ่งมีเพียงเคสเดียวคือกรณีของจังหวัดอำนาจเจริญใช่หรือไม่ อนุทินกล่าวว่า ตนเพิ่งได้เห็นจากข่าวเมื่อวานนี้ (5 พฤษภาคม) ส่วนจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเอกสารที่ DSI ส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต. จะไม่ได้เกิดจากการบังคับมานั้น ตนไม่ทราบเลย เพราะตนไม่ได้กำกับดูแลหน่วยงานนั้น ตอนอยู่กระทรวงมหาดไทยทำแต่เรื่องบำบัดทุกข์บำรุงสุข
ทวียอมรับ เป็นเจ้าหน้าที่ DSI จริง ขู่ผู้ว่าฯ อำนาจเจริญ ระวังโดน ม.22
ขณะที่ พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ได้รับรายงานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษแล้ว พนักงานสอบสวนได้เดินทางไปตรวจสอบที่จังหวัดอำนาจเจริญ และพยานบุคคลกว่า 10 ปาก ซึ่งพยานให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
ส่วนเรื่องหนังสือของผู้ว่าฯ อำนาจเจริญนั้นกำลังตรวจสอบ เนื่องจากโดยหลักการสอบสวนคดีพิเศษ เรามีกฎหมายมาตรา 22 ถ้าเป็นคดีพิเศษผู้ว่ามีอำนาจในการสืบสวนสอบสวน หากมีการประสานงานไปต้องให้ความร่วมมือ ถ้าไม่ร่วมมือจะมีโทษที่เกี่ยวข้องจำคุก 1-10 ปี ซึ่งได้ให้อธิบดี DSI ใช้กฎหมายและข้อบังคับ เพราะที่อำนาจเจริญมีพยานกว่า 300 ปาก
แต่ไม่จำเป็นต้องสอบทั้งหมด เนื่องจากได้หลักฐานที่เป็นพยานวัตถุ เทคโนโลยี และวิทยาศาสตร์ สามารถย้อนกลับไปดูในที่เกิดเหตุได้ รวมถึงร่องรอยทางโทรศัพท์ ทั้งนี้ ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีอุปสรรคในการสืบสวนสอบสวน แต่ถ้ามีอุปสรรคก็ขอให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ใช้กฎหมายและข้อบังคับ ที่ออกในปี 2547 ดำเนินคดีได้ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ หรือผู้ว่าราชการจังหวัด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เจ้าหน้าที่ 3 คนที่ลงพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ และถูกร้องเรียน เป็นเจ้าหน้าที่ DSI จริงหรือไม่ พ.ต.อ. ทวี ยอมรับว่าเป็นพนักงานสอบสวนของ DSI จริง และได้รับความร่วมมือดี
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดผู้ว่าฯ ถึงแจ้งว่ามีการข่มขู่พยาน พ.ต.อ. ทวี กล่าวว่า ยังไม่เคยแจ้งมาที่ตน หากผู้ว่าฯ พบการข่มขู่ขอให้รายงานมาที่ตน อีกทั้งพนักงานสอบสวนของ DSI ลงพื้นที่อำนาจเจริญตามคำเรียกร้องของพยาน ว่าถูกข่มขู่จากผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จึงอยากให้ DSI ไปสอบปากคำ ขณะเดียวกันไม่มีเงินที่จะเดินทางมาที่ กทม.
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ขั้นตอนคดีการฮั้วเลือก สว. จะเสร็จแล้วหรือไม่ พ.ต.อ. ทวี กล่าวว่า อยู่ในกระบวนการของพนักงานสอบสวน ตนไม่สามารถแทรกแซงได้ แต่ไม่มีปัญหาและอุปสรรค
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า คดีนี้ถูกมองว่าเป็นเรื่องการเมืองระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทย พ.ต.อ. ทวี ยืนยันว่า ไม่มีเรื่องการเมือง ทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐาน เพราะเรื่องเป็นคดีพิเศษก็ว่ากันไป ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนจะทำอะไรนอกเหนือกฎหมาย ข้อบังคับ และพยานหลักฐาน ไม่ได้ เช่นเดียวกันบุคคลจะมีอิทธิพลเหนือกฎหมายไม่ได้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ทาง DSI เตรียมแจ้งข้อกล่าวหา 138 สว. และอีก 2 สว. สำรอง พ.ต.อ. ทวี กล่าวว่า ต้องไปถามอธิบดี DSI ซึ่งขณะนี้ก็ทำงานหนัก และให้คำนึงว่าเรื่องนี้ประชาชนให้ความสนใจ ขอให้ทุกขั้นตอนมีพยานค้ำยันทางนิติวิทยาศาสตร์ รวมถึงเส้นทางการเงิน และการใช้โทรศัพท์ติดต่อ ประกอบกับหลักและเหตุผล
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีโอกาสแจ้งข้อกล่าวหาภายในสัปดาห์นี้หรือไม่หลังครบ 2 เดือนแล้ว พ.ต.อ. ทวี กล่าวว่า มีรายงานว่ามาจะเร่งรัดตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม ก็รอดูอยู่ ทั้งนี้ ตนไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องเรื่องการสอบพยานมากนัก เพราะกลัวมีข้อครหาว่าการเมืองเข้าไปยุ่งเกี่ยว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การเรียกผู้ถูกกล่าวหามาให้ข้อมูลนั้นก็ให้รอหมายเรียก ยังไม่แน่ชัดว่าจะทยอยออกหรือออกครั้งเดียว ส่วนการสอบสวนจะเชื่อมโยงไปยังนักการเมืองหรือไม่นั้น หากถึงใครก็ดำเนินการหมด ไม่มีละเว้นใคร
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้มีชื่อรัฐมนตรีเข้าไปเกี่ยวข้อง ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร พ.ต.อ. ทวี กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เคยออกจากปากตน
