วันนี้ (1 มิถุนายน) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ตรวจเยี่ยมบริษัท ไบโอเนท เอเชีย จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในภาคเอกชนที่ร่วมกับหน่วยงานรัฐในการพัฒนาวิจัยวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยมีทีมผู้บริหารของภาคเอกชน นำโดย วิฑูรย์ วงศ์หาญกุล ประธานกรรมการบริหาร ให้การต้อนรับ
อนุทินกล่าวว่า จากการหารือกับทีมผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญของบริษัทไบโอเนท รู้สึกว่างานวิจัยพัฒนาวัคซีนโควิด-19 มีความหวังแน่นอน โดยบริษัทนี้เป็นบริษัทชั้นนำด้านการผลิตวัคซีน ซึ่งได้ทำข้อตกลงกับกระทรวงสาธารณสุข สถาบันวัคซีน และอีกหลายหน่วยงาน ในการค้นคว้าวัคซีนเพื่อป้องกันโควิด-19 และที่ผ่านมาก็มีความคืบหน้า เพราะวัคซีนจากเอกชนรายนี้ผ่านการทดลองในหนูแล้ว กำลังรอผลการยืนยันประสิทธิภาพจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ก็หวังว่าจะเป็นข่าวดี เพื่อที่จะได้เดินหน้านำวัคซีนไปทดลองกับลิง และมนุษย์เป็นขั้นตอนสุดท้าย ทั้งนี้ หากการพัฒนาวัคซีนมีความคืบหน้ามากขึ้น วัคซีนทดลองมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ก็อาจได้ศึกษากับคนได้เร็ว ตอนนี้ขอให้ทุกคนเป็นกำลังใจให้กับคนทำงานหนัก
ผู้สื่อข่าวถามถึงโอกาสของไทยที่จะเป็นประเทศกลุ่มแรกๆ ที่สามารถผลิตวัคซีนได้ก่อน อนุทินกล่าวว่า มีความเป็นไปได้แน่นอน โดยคนที่มาให้ข้อมูลคือผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีน มีความน่าเชื่อถือ และตนก็พร้อมเป็นกำลังใจให้ เช่นเดียวกับคนไทยที่อยากเห็นความสำเร็จโดยเร็ว ทั้งนี้ หากสามารถผลิตวัคซีนได้ก่อน ยืนยันว่า คนไทยต้องได้ใช้ก่อน เพราะสุขภาพคนไทยมีความสำคัญมากๆ
“ได้ทำเต็มที่ เพื่อให้ไทยได้ใช้วัคซีนให้เร็วที่สุด เรื่องงบประมาณไม่ต้องห่วง ที่ผ่านมาเราสนับสนุนการทำงานของแพทย์ พยาบาล อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในส่วนของ อสม. ได้จัดสรรงบไว้ให้แล้ว และถ้าผลการทดลองวัคซีนมีความคืบหน้า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์บอกว่ามีประสิทธิภาพ ก็พร้อมสนับสนุนเต็มที่แน่นอน เพราะวัคซีนคือเรื่องสุดท้ายที่จะเข้ามาเติมเต็มระบบสาธารณสุขไทย
“ประเทศไทยทุ่มเทกับการควบคุมการระบาดมามาก คนไทยเสียสละกันมาก ส่วนนี้ต้องขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง จากนี้เมื่อประเทศไทยมีระบบสาธารณสุขที่ดีในระดับชั้นนำของโลก นานาชาติให้ความสนใจประเทศไทย นี่คือโอกาสของไทย ในอนาคตเราจะเป็นผู้นำด้านสาธารณสุข เป็นเมดิคัลฮับ จุดนั้นคือเวลาที่เราจะเรียกคืนสิ่งที่เราเคยสูญเสียกลับคืนมา”
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
