วันนี้ (26 กุมภาพันธ์) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ขึ้นชี้แจงระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจในประเด็นที่ทำไมถึงไม่ปิดกั้นประเทศไทยจากนักท่องเที่ยวชาวจีน อนุทินระบุว่า “เราคำนึงถึงหลักการป้องกันเสมอ แต่การกระทำทุกอย่างเราต้องนึกถึงหลายๆ ปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยเรื่องของเศรษฐกิจ เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งทุกการดำเนินการเรามีการติดตามสถานการณ์ทุกอย่างตลอด
“เรามั่นใจว่าเรามีความสามารถในการคัดกรองและคัดแยกผู้ป่วย อีกทั้งในช่วงเวลานั้นๆ ประเทศจีนได้มีการเดินทางของชาวจีนในเมืองอู่ฮั่น แหล่งอุบัติของโรคนี้มาประเทศไทย ซึ่งทำให้การลดลงของนักท่องเที่ยวลดลงอย่างอัตโนมัติ นอกจากนั้นสายการบินระหว่างสองประเทศ ก็ได้ทำการยกเลิกเที่ยวบินที่เข้าถึงเมืองไปแล้ว
“ดังนั้นการที่เราสามารถคัดแยก คัดกรองนักท่องเที่ยว จึงเป็นไปด้วยประสิทธิภาพที่ไม่มีใครหลุดออกมา สิ่งที่เราได้รับมาจากการกระทำนี้คือ การรักษาสัมพันธ์ที่ดีของสองประเทศ จะสังเกตได้ว่าทางสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยก็ได้ออกแถลงชื่นชมและขอบคุณคนไทยในการรักษาความสัมพันธ์และยืนเคียงข้างเสมอ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่ออนาคต โดยผมเชื่อมั่นว่าจีนและไทยจะมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น”
ส่วนประเด็นต่อมาคือ การตั้งข้ออภิปรายว่าทิศทางของการควบคุมโรคโควิด-19 ของไทยจะเป็นอย่างไร และถ้าหากเข้าสู่ระยะที่ 3 รัฐบาลควบคุมได้หรือไม่
อนุทินกล่าวว่า ประเทศไทยสามารถตอบโต้และรับมือกับโรคระบาดได้อย่างรวดเร็ว มีขั้นมีตอนที่เหมาะสม อีกทั้งยังมีเจ้าหน้าที่ทีมแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการสาธารณสุขทุกคนทำงานอย่างหนักด้วยความทุ่มเท เพื่อให้การป้องกันมีประสิทธิภาพอย่างสูงสุด ไทยจะอยู่หน้าสถานการณ์ ไม่ใช่ตามหลัง ซึ่งทุกอย่างล้วนเกิดจากประสบการณ์ที่ผ่านมาก่อนตั้งแต่ยุคไข้หวัดนก, โรคซาร์ส, โรคเมอร์ส และโรคไข้หวัดใหญ่ 2019
“เรามีการคัดกรองอย่างหนักโดยเฉพาะผู้ที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ผ่านการติดตั้งเครื่องเทอร์โมสแกน ซึ่งการท่าอากาศยานมีการขานรับเพิ่มเครื่องสแกนเพื่อให้เพียงพอต่อการเข้ามาของนักท่องเที่ยว
“นอกจากนี้หากคนไทยไม่เดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยงต่อการติดโรค จะทำให้เราสามารถลดอัตราการพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นไปอีก ซึ่งสิ่งนี้เราต้องขอความร่วมมือกับทุกท่านด้วย”
กระทรวงสาธารณสุขมีการยกระดับการสืบสวนโรค และตรวจโรค ติดตามผู้สัมผัสผู้ป่วยอย่างเข้มข้น มีความพร้อมในการจัดเตรียมในการรักษาพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นยาหรืออุปกรณ์การแพทย์ต่างๆ
นอกจากนี้เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา อนุทิน ชาญวีรกูล ยังได้ทำการลงนามในประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตราย ซึ่งกระทรวงขอให้ทุกคนอย่าตกใจ ถือเป็นการตัดไฟตัดต้นลม ป้องกันไม่ให้โรคระบาดรุนแรงขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
“เราประกาศใช้มาตรการขั้นเข้มข้นในการรองรับการติดต่อของโรคนี้ เพื่อให้ทุกท่านมีความปลอดภัย ด้วยประกาศฉบับนี้ ประชาชนอาจไม่ได้รับความสะดวกไปบ้าง แต่มั่นใจว่าจะได้รับความปลอดภัยเป็นของตอบแทน และขอย้ำว่าตอนนี้เรายังอยู่ในระยะที่ 2 ไม่เข้าระยะที่ 3 เพียงแต่เราใช้มาตรการที่เข้มข้นเพื่อให้สถานการณ์นี้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด” อนุทินกล่าว
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
