วันนี้ (5 กรกฎาคม) อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมือง โดยเฉพาะการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันแรกของสมัยประชุมสามัญประจำปี 2568 ที่ฝ่ายค้านขอนับองค์ประชุมจนนำไปสู่การสั่งปิดการประชุม
อนุสรณ์ชี้แจงว่า สภาฯ ไม่ได้ล่มในวันนั้น และการที่ฝ่ายค้านขอนับองค์ประชุมพร่ำเพรื่อนั้นไม่เหนือความคาดหมาย หากฝ่ายค้านถือว่าการทำให้สภาล่มเป็นดัชนีชี้วัดความสำเร็จก็ให้ทำไป แต่ สส. เพื่อไทยและ สส. รัฐบาลที่เสนอให้นับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อนั้น มีจุดประสงค์เพื่อให้ประชาชนทราบว่าใครมาทำงานและใครมาเล่นเกมการเมืองล้มรัฐบาล
อนุสรณ์กล่าวเน้นย้ำว่า การที่ สส. อยู่ในห้องประชุมแต่ไม่ยอมแสดงตัว ก็เท่ากับไม่ได้มาทำงาน พร้อมทิ้งท้ายด้วยวลีที่ว่า “แฮชแท็ก ‘ภาษีกู’ ต้องเข้าแล้ว”
และวิจารณ์ว่าเริ่มมีด้อมบางส่วนยอมรับการเมืองแบบโบราณ ล้าหลัง ไม่สร้างสรรค์ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหลังจากนี้ สส. รัฐบาลจะต้องยกระดับการทำงานเพื่อรับมือกับเกมการเมืองของฝ่ายค้านทุกรูปแบบ
ในประเด็นกระแสข่าวที่ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร จะโหวตสนับสนุน อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรีชั่วคราว เพื่อผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
อนุสรณ์ แสดงความเห็นว่า ประเทศไม่ได้ถึงทางตัน แต่เป็นกลุ่มคนบางกลุ่มที่พยายามผลักดันให้เกิดทางตัน พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ข้อเสนอดังกล่าวฟังดูเหมือนดี แต่ในความเป็นจริง พรรคประชาชนไม่เหลือแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคตัวเองแล้ว จึงจำเป็นต้องไปสนับสนุนแคนดิเดตของพรรคอื่น
อนุสรณ์กล่าวถึงความพยายามของพรรคเพื่อไทยในการผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาโดยตลอด และอดีตพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคที่พยายามขัดขวาง ซึ่งประชาชนทราบดี พร้อมตั้งคำถามถึงณัฐพงษ์ว่า การเสนอชื่ออนุทินเป็นนายกรัฐมนตรีชั่วคราว เป็นการทำลายเกียรติภูมิหรือด้อยค่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่ และได้สอบถาม สส. พรรคประชาชนและภูมิใจไทยแล้วหรือยังว่าต้องการให้ยุบสภาจริงหรือไม่ หรือแค่พูดให้ดูดีแต่ทำไม่ได้จริง
“ไหนบอก ทำการเมืองแบบยืนหลังตรง มีประชาชนอยู่ในสมการ แต่ลับลวงพรางกันเองแบบนี้ จนคนไม่รู้จะเชื่อใคร การเมืองใหม่ การเมืองสร้างสรรค์ หอมกลิ่นความเจริญ หายไปตั้งแต่กี่โมง” อนุสรณ์กล่าว
นอกจากนี้ อนุสรณ์ยังกล่าวถึงการที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่เดินทางเข้ากระทรวงเพื่อเริ่มปฏิบัติหน้าที่ โดยเฉพาะ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งอยู่ระหว่างถูกสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปเริ่มงานใหม่ที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยมีรัฐมนตรีและ สส. พรรคเพื่อไทยร่วมให้กำลังใจอย่างพร้อมเพรียง
อนุสรณ์ เชื่อว่ารัฐมนตรีทุกคนในรัฐบาลชุดปัจจุบันจะเปลี่ยนแรงกดดันจากการเผชิญความท้าทายหลายมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคง สังคม และการเมือง ให้เป็นพลังในการขับเคลื่อนนโยบายและเร่งยกระดับผลงาน รัฐบาลมีภารกิจเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ ทั้งปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา การเร่งเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
“ฉากทัศน์ทางการเมืองต่อจากนี้ เชื่อว่าประชาชนยังให้โอกาสรัฐบาลในการพิสูจน์ฝีมือบนพื้นฐานของความตั้งใจจริงในการทำงานทุกมิติ รัฐบาลต้องเร่งสร้างผลงาน นโยบายเรือธง ต้องผลิดอกออกผลอย่างทันท่วงที” อนุสรณ์กล่าว